Home data &Analytics Thailand Car Buyer Confidence 2014-2015

Thailand Car Buyer Confidence 2014-2015

ทีเอ็นเอส เผยสัญญาณบวกกำลังซื้อฟื้นคืนตลาดรถยนต์ หลังผลสำรวจพบ กลุ่มผู้มีแผนซื้อรถ” พร้อมใส่เกียร์เดินหน้าส่งท้ายปีและต่อเนื่องยาวถึงปี 2558

ทีเอ็นเอส ผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจและวิจัยทางการตลาดซึ่งมีเครือข่ายในกว่า 80  ประเทศทั่วโลก เผยผลสำรวจ Thailand Car Buyer Confidence 2014-2015 ประเทศไทยที่จัดทำขึ้นเพื่อสำรวจความเชื่อมั่นของคนไทยกลุ่มที่มีโครงการจะซื้อรถภายในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า พบสัญญาณบวกที่สะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของกำลังซื้อในตลาดรถยนต์ปี 2558

ทีเอ็นเอส สำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทย จำนวน 500 คนที่ระบุว่าอยู่ในระหว่างเตรียมการและมีโครงการจะซื้อรถภายในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า ทั้งที่พำนักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ เชียงใหม่ โคราช ชลบุรี และหาดใหญ่ พบว่า 1 ใน 4 ของกลุ่มผู้มีโครงการซื้อรถจะตัดสินใจซื้อภายในสิ้นปี 2558 นี้ ทั้งนี้ ผลชี้ว่ากำลังซื้อจะลดความแรงลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 โดยราว 21% วางแผนตัดสินใจซื้อรถในช่วงดังกล่าว ก่อนจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง เมื่อกว่าร้อยละ 27 ระบุจะตัดสินใจซื้อรถในช่วงไตรมาส 2 และอีกร้อยละ 28 จะตัดสินใจซื้อรถในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2558

นายอภิรักษ์ รัตนวิเชียร ผู้อำนวยการงานวิจัยสายธุรกิจยานยนต์ ทีเอ็นเอส ประเทศไทย กล่าวว่า  ผลสำรวจพบสัญญาณที่ดีที่ผู้คนเริ่มตัดสินใจใช้จ่ายในการซื้อรถก่อนสิ้นปี อย่างไรก็ตาม รถรุ่นใหม่ๆที่มีการเปิดตัวภายในงานไทยแลนด์อินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์เอ็กซ์โปในเดือนนี้นั้นอาจต้องเผชิญภาวะจากกำลังซื้อที่ลดความแรงลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า  อย่างไรก็ตาม นโยบายทางด้านราคาและโปรโมชั่นพิเศษจะช่วยสร้างโอกาสการขายและกระตุ้นตลาดได้มากขึ้น

ผลสำรวจยังพบว่า 4 ใน 5 (80%) ของผู้ที่มีโครงการซื้อรถภายใน 1 ปียังคงตัดสินใจซื้อรถตามโครงการที่ตั้งไว้ โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลเร่งกระตุ้นการซื้อรถยนต์ได้ดีในช่วงนี้คือข้อเสนอพิเศษทางด้านการเงินอย่าง เงินดาวน์ต่ำพิเศษ และ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อถึงร้อยละ 42 และร้อยละ 38 ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน บริการหลังการขายที่ให้ความคุ้มครองและมอบความสบายใจให้แก่ผู้ซื้อรถเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถในกลุ่มผู้วางแผนจะซื้อรถอยู่แล้ว ซึ่งบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงที่และบริการรถทดแทนระหว่างซ่อมบำรุง เป็นสองบริการหลังการขายที่ดึงดูดใจผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้สูงสุด โดยร้อยละ 54 ให้ความสำคัญกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และร้อยละ 48 ยอมรับว่าบริการรถทดแทนระหว่างซ่อมบำรุงมีผลต่อการตัดสินใจของตนเอง

ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ผู้บริโภคกลุ่มที่วางแผนซื้อรถยังมีความเชื่อมั่นและทัศนคติเชิงบวก โดยร้อยละ 62 ยังคงมองว่าความเป็นอยู่ส่วนบุคคลจะดีขึ้นเรื่อย ตามมาด้วย ทิศทางการเมือง (59%) เศรษฐกิจ (49%) ภาพลักษณ์ประเทศในมุมมองชาวต่างชาติ (49%) และ โครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม (47%)

นายอภิรักษ์ กล่าวสรุปว่า ผู้บริโภคในอุตสาหกรรมยานยนต์กลุ่มนี้คุ้นเคยและเริ่มปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆได้เร็วขึ้น และหันมาสร้างแรงบันดาลใจส่วนตัวด้วยการเติมเต็มความต้องการครอบครองรถคันใหม่ตามแผนเดิมหากปัจจัยส่วนบุคคลเอื้ออำนวยและมีข้อเสนอที่น่าสนใจ ผลสำรวจยังสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศที่ภาคธุรกิจควรจับตามอง โดยการกระตุ้นยอดขายและสร้างการรับรู้ในแบรนด์อย่างต่อเนื่องมีบทบาทสำคัญผลักดันให้การตัดสินใจซื้อที่ชะลอตัวกลับคืนมาสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ด้วยการมอบข้อเสนอพิเศษให้ลูกค้า รวมถึงบริการมาตรการรับรองความมั่นใจให้แก่ลูกค้าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในระยะสั้นได้ดี

Previous articleโตโยต้า ‘มิไร’ รถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง
Next articleCEO TALK 2015 ทิศทางตลาดรถปี58