GT-S เหลืองเดือดกดเพลินมีล้น

    ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนเ.ย.58 ทีผ่านมาคงได้เห็นรถสปอร์ต สีเหลืองจอดเด่นอยู่ในบูท ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มันคือ  GT-Sหรือรถระดับซูเปอร์ คาร์ คันแรกของแบรนด์ “เมอร์เซเดส- เอเอ็มจี “ (Mercedes-AMG )ต้องเข้าใจว่า เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เป็นการสร้างชื่อมาใหม่ มันไม่ใช่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือ เอเอ็มจี ถือเป็นการพยายามแยก ความชัดเจนให้เกิดขึ้น แม้GT-S จะมีกลิ่นอายของเมอร์เซเดส -เบนซ์ อยู่เต็มตัว ผมได้สัมผัสรถคันนี้ที่ภูเก็ตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้จัดว่าเป็นรถที่แพงที่สุดบนถนนที่ได้ขับแบบทดสอบ คือมีราคา ราคา 14.9ล้านบาท

    รถแบบจีที สองที่นั่ง มาพร้อมกับรูปลักษณ์ ดีไซน์ภายนอกใหม่โดดเด่นด้วยรูปทรงสปอร์ตเต็มตัว กระจังหน้าแบบไดมอนด์( Diamond Grille)สัญลักษณ์โลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์ขนาดใหญ่ภายใต้กระโปรงหน้า บรรจุเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ 3,982 ซีซี 510 แรงม้าที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิด 650 นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบ 1,750-4,750 ต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7สปีด ล้อหน้าขนาด 19 นิ้วล้อหลัง 20 นิ้ว
    สปอยเลอร์หลังเลยเป็นแบบปรับระดับได้อัตโนมัติ หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า ดีไซน์ภายใน มีการออกแบบให้ก้าวล้ำทันสมัย ด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Nappa แบบปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ พวงมาลัยกึ่งรถแข่ง ( AMG performance) หุ้มด้วยหนังแท้สลับ DINAMICA microfibre

    ในส่วนโครงสร้างตัวถังของจีที-เอส คันนี้เป็นอลูมิเนียม สเปซเฟรม ที่ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ผสมผสานกับเหล็ก
    และแมกนีเซียม ทำให้มีน้ำหนักรวมของตัวรถเพียง 1,890 กิโลกรัม
    นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังได้มีการวางเครื่องยนต์แบบ Front mid-engine ทำให้การกระจายน้ำหนักหน้า-หลัง อยู่อัตรา 47:53
    เพื่อให้เกิดการบังคับควบคุมที่ดีระบบอ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้ง ( Dry sump) แบบเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่ง
    เพื่อป้องกันน้ำมันเครื่องถูกส่งไปไม่ทั่วถึงในจังหวะที่ตัวรถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เทคโนโลยี มาพร้อมระบบควบคุมช่วงล่าง
    ( AMG RIDE CONTROL) สามารถปรับได้ 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ คอมฟอร์ต (Comfort) สปอร์ต ซึ่งมีสองออฟชั่นคือสปอร์ต (Sport)กับสปอร์ตพลัส( Sport+) และโหมดที่3 ผมให้เป็น เรซเซอร์ หรือ โหมดแข่ง โดยการเลือกโหมดผ่านปุ่มควบคุมที่คอนโซลกลาง ซึ่งแต่ละโหมดให้ความรู้สึกต่างกันค่อนข้างมาก
    ออฟชั่นอื่นๆ มาครบเช่น ระบบเบรก( ADAPTIVE BRAKE) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST)
    โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP), ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise Control) และ
    จำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) เป็นต้น ตามสเปค ตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม.
    ผมเข้าไปนั่งภายในแล้ว มองดูอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าไม่เคยไปนั่งจำมาก่อนอาจจะใช้ไม่ถูกเพราะว่า ตรงคอนโซนกลาง มีปุ่มมากมายราวกับเครื่องในของหุ่นยนต์แต่หากว่าจับทิศจับทางได้การบังคับใช้งานก็ไม่มีอะไรยาก ผมมีเวลาสั้นๆ ในการที่จะเรียนรู้รถ เพราะว่า ต้องจับฉลากเข้าคิวขับ บังเอิญโชคดีจับเอาคนสุดท้ายของเส้นทาง
    เลยได้ขับยาวหน่อย แรกๆ อย่างแรกผมมองหาว่าก้านเกียร์ ก้านน้อยมันอยู่ตรงไหน ซึ่งก็อยู่ตรงคอนโซลกลางแต่ค่อนมาข้างหลัง ทำนองว่า ใส่เกียร์Dแล้วไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับ มันอีกจนกว่าต้องการใส่R หรือ P เพราะที่เหลือสื่งที่ควรทำคือ ใช้การควบคุมที่ปีกผีเสื้อ หลังพวงมาลัย และโหมด ARC
    จีที-เอส ให้เสียงการเดินเบาที่เพราะมาก แค่สต๊าทเครื่องยนต์ก็น่าทึ่งแล้วเพราะ เสียงนิ่มลุ่มลึกแต่แฝงพลังดี
    ท่าทางการนั่ง สำหรับคนตัวเล็กๆ ไซด์ เอเซีย ขับง่าย ไม่ฝังจมลึกลงไป ขนาดพวงมาลัยกำลังพอเหมาะ
    ส่งถ่ายน้ำหนักการควบคุมมาอย่างลงตัว
    ผมเริ่มต้นการขับด้วยโหมด C ความเร็วต่ำๆ ไปเรื่อยๆ จังหวะของการถ่ายกำลังและเสียงต่างๆ เป็นไปอย่างสุภาพแต่ ไม่ราบเรียบและนุ่มนวล รถยังถ่ายทอดความรู้สึกว่า มันคือสปอร์ต ออกมาในทีแต่สำหรับใครที่เคยขับ ซูเปอร์ คาร์แล้วจะรู้ว่า งานใหญ่ยังมาไม่ถึง
    หลังจากนั้นปรับโหมด ไปสปอร์ต พลัส โดยข้ามโหมดสปอร์ต ไปก่อนสิ่งที่ได้คือ ความกระชับของช่วงล่างและเสียงที่กรอดังขึ้นของเครื่องยนต์ และทุกครั้งที่มีการยกคันเร่งเราจะได้ยินเสียงฟืดฟาดราวกับอาการหยุดหงิดของสิ่งมีมีชีวิต และเป็นไปตามคาด โหมดนี้เมื่อกดคันเร่งให้รอบกระเตื้องขึ้น พลังมหาศาลของเครื่องยนต์ก็เดือดปุดๆ แบบรั้งไม่อยู่
    หากละเลยที่จะเข้าไปสู่แป้นคันเร่งค่อนเท้าแล้วล่ะก็ ความดื้อรั้นของรถจะเริ่มแสดงให้เห็นเลยทีเดียว
    การขับรถแบบนี้อย่างแรกคือ ถ้าพวงมาลัยไม่ตั้งตรงอยากคิดส่งไปเต็มเท้า เพราะเราจะสั่งงานมันไม่ฟังแล้ว
    ซึ่งการขับรถแบบนี้ ต้องทักษะเรซซิ่ง ติดตัวไว้เข้าใจเรื่องบางอย่างที่เป็นข้อสังเกตพื้นฐาน ซึ่งจะทำให้เราเลี้ยง เจ้า500แรงม้านี้เชื่องขึ้น สุดท้ายผม ไปที่เรซเซอร์ ซึ่งโหมดนี้รอบของรถจะรั้งขึ้นสูงตลอดเวลาเรามีหน้าที่เพียงมองไกล ประคองพวงมาลัยและหาทางให้ จีทีเอส-ทยานออกไป แน่นอนว่า เราสามารถสนุกกับเครื่องจักรเดินทางราคา 15ล้านบาทได้อย่างสนุก ไม่รู้ลืม[fblike]

    Previous articleผลซูเปอร์จีทีสนาม2
    Next articleเพียงใจ แก้วสุวรรณ:Nissan