เมื่อ14 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมาฟอร์ด มอเตอร์ เดินหน้าเปิดตัวรถสำหรับตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการเปิดตัว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ (U375) ที่ ปักกิ่งประเทศจีนเอเวอร์เรสต์ หรือชื่อในอินเดียว่า Ford Endeavour เป็นรถเจนเนอเรชั่นที่ 4 (Fourth generation)นับจากออกเอเวอร์เรสต์ตัวแรกเมื่อ 2546 (2003)
ซึ่ง3 เจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา เอเวอร์เรสต์ ไม่ได้เปลี่ยนไปมากยังคงใช้แพทฟอร์ม ฟอร์ดและมาสด้า จากกระบะBT50 ตัวเดิมทำให้ขนาดและโครงสร้างต่างๆ ล้าสมัยไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวหน้าใน มิตซูบิชิ ปาเจโรสปอร์ตและโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2 ผู้นำตลาดรถตรวจการณ์ที่สร้างจากพื้นฐานของรถกระบะ
รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่งแบบตรวจการณ์นี้อาจจะเรียกว่ารถเอสยูวี ก็ได้แม้ตามกฎหมายไทยจัดให้รถพวกนี้เป็นกลุ่ม PPV ฟอร์ดใช้เวลาการเปลี่ยนจากเจนเนอเรชั่น 3 มา4 ถึง 5 ปี มาพร้อมกับการเปลี่ยนโมเดลใหม่หมด และอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค แบบรถพรีเมี่ยม ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ จะวางจำหน่ายใน 8 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปีพ.ศ. 2558 โดยรวมถึงประเทศจีน ออสเตรเลีย อินเดีย ไทย และตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซีย
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เริ่มเดินสายการผลิตแล้ว ที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย(AAT) จังหวัดระยอง สำหรับตลาดอาเซียน ส่วนในประเทศจีนจะผลิตโดยบริษัทฟอร์ด เจียงหลิง มอเตอร์ คอร์ป (เจเอ็มซี) ที่โรงงาน เจเอ็มซี เสี่ยวหลาน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหนางฉาง
ฟอร์ดมั่นใจพร้อมลุยตลาด
“ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ จะเปิดโอกาสให้เราได้ขยายตลาดในภูมิภาคนี้ได้กว้างขึ้น ด้วยรถยนต์อเนกประสงค์ที่สามารถพาผู้ขับขี่ เพื่อนๆ สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานไปยังทุกจุดหมายได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือบนเส้นทางแบบออฟโรดอันสมบุกสมบัน” เทรเวอร์ เวอร์ธิงตัน รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฟอร์ด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ปักกิ่ง
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นผลงานของทีมออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประจำภูมิภาคเอเชีย ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ จะมีให้เลือกทั้งในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งการวางจำหน่ายในแต่ละประเทศจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละตลาด
ลุยแบบออฟโรด และนุ่มสบายบนท้องถนน
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อให้มีความทนทานในระดับแถวหน้าของตลาด ด้วยโครงสร้างแบบบอดี้ออนเฟรม เหมาะสมกับการขับขี่แบบสมบุกสมบัน นอกจากนี้ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบเกียร์แบ่งกำลังพร้อมระบบควบคุมการจ่ายแรงบิด (Torque on Demand) ระบบการเลือกปรับอัตราทด (Terrain Management System) ในขณะที่ความสูงจากพื้นรถ สูงสุดในตลาด ถึง 225 มิลลิเมตร พร้อมลุยน้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 800 มิลลิเมตร (ดูเหมือนฟอร์ดจะเน้นเรื่องความสูงกับการลุยน้ำเป็นพิเศษ)
เอเวอเรสต์ ใหม่ ติดตั้ง ระบบเลือกปรับอัตราทด หรือ เลือกโหมด การตั้งค่า 4 แบบ สำหรับ พื้นผิวทั่วไป หิมะ/กรวด/หญ้า ทราย และพื้นหินขรุขระ โดยแต่ละโหมดจะปรับเปลี่ยนค่าอัตราเร่ง ระบบส่งกำลัง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และระบบควบคุมการเกาะถนน (traction control)ในกรณีเส้นทางออฟโรด ผู้ขับสามารถสั่งล็อกระบบเกียร์ แบ่งกำลังให้ทำงานแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ด้วยอัตราทดต่ำได้
เลิกของเก่าหันคบคอยล์สปริงหน้า-หลัง
ช่วงล่างเอเวอเรสต์ ใหม่ พัฒนามาใช้แบบคอยล์สปริงหน้า-หลัง พร้อมติดตั้งกลไก Watt’s Linkage ที่เพลาหลัง จากเดิมฟอร์ด เอเวอเรสต์ (U268) ใช้ระบบช่วงล่างหลังแบบแหนบ และช่วงล่างหน้าแบบ
การเปลี่ยนโครงสร้างนี้ก็เป็นไปตามเงื่อนไขข้อจำกัดทางกฎหมายที่ยกเลิกไปนานแล้วแต่ฟอร์ดยังไม่ได้จังหวะเปลี่ยน โครงสร้างหลังที่PPV เคยบังคับเป็นแหนบ ก็เคยทำให้ มิว7 ต้องติดแหนบอยู่นาน จนได้โอกาสเปลี่ยนรุ่นเป็นมิวx จึงได้เปลี่ยนโครงสร้างรองรับน้ำหนักหลังได้ สำหรับผู้ที่ใชระบบ คอยด์สปริงอยู่แล้วเช่น ฟอร์จูนเนอร์ กับปาเจโร สปอร์ต
เทคโนโลยีล้ำยุค
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ติดตั้งซิงค์ 2 (SYNC 2) ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อการสื่อสารภายในรถรุ่นล่าสุดจากฟอร์ด ผู้ขับขี่จึงสามารถใช้เสียงสั่งการอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ระบบเครื่องปรับอากาศ และอุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับตัวรถได้ นอกจากนี้ ซิงค์ 2 ยังมีจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว มีเมนูควบคุมที่แบ่งจอออกเป็น 4 มุม และใช้สีที่แตกต่างกันบ่งบอกถึงฟังก์ชันการใช้งานหลักๆ อย่างชัดเจน สำหรับระบบสั่งงานด้วยเสียงดูเหมือนยังไม่เข้ากับพฤติกรรมคนไทยเท่าไร เพราะว่า รำคาญความไม่แม่นยำของระบบและการต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสั่งงาน
ระบบควบคุมแชสซีส์ สมัยใหม่
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ได้เพิ่มระบบี่เกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวรถมากมายซึ่งพึ่งพาอิเลกทรอนิคค่อนข้างมาก เริ่มจาก ระบบควบคุมการเข้าโค้ง (Curve Control) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมรถได้ในกรณีที่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินไป ที่เหลือก็เป็นระบบที่เริ่มนิยมติดตั้งในรถสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบแจ้งเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane Departure Warning) และระบบรักษาเลน (Lane Keeping Aid) ที่ป้องกันไม่ให้เกิดการเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจ รวมทั้งระบบตรวจจับรถในจุดบอด (Blind Spot Information System หรือ BLIS) พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อถอยหลังจากที่จอด (Cross Traffic Alert) ซึ่งจะคอยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ในกรณีที่มีรถคันอื่นอยู่ในมุมบอด หรือในขณะถอยออกจากที่จอด
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ ที่มีอยู่ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนและป้องกันการชนด้านหน้า (Forward Alert with Collision Mitigation) ระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ (Roll Stability Control) (แนวคิดเดียวกับวอลโว่ XC90) และระบบควบคุมการทรงตัว (Electronic Stability Program) ที่ทำงานสอดประสานกับระบบควบคุมการเกาะถนนเพื่อความมั่นใจสูงสุดขณะขับขี่ ส่วนระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Active Park Assist) จะช่วยให้การนำรถเข้าช่องจอดเป็นเรื่องง่าย โดยที่ผู้ขับขี่จะควบคุมเพียงแค่การเหยียบคันเร่ง เข้าเกียร์ และเบรก โดยไม่จำเป็นต้องจับพวงมาลัย
นอกเหนือจากเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยเหล่านี้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ยังปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคนด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่แข็งแกร่งด้วยวัสดุสุดทนทานอย่างเหล็กโบรอน และคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย เช่นถุงลมนิรภัย 7 จุด เป็นต้น
หากดุไลน์ของอุปกรณ์ทั้งหมด นั้นไม่ต่างไปจากอุปกรณ์ที่วอลโว่ เปิดขายในประเทศไทยเป็นเจ้าแรก ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ อนาคตจะมีในรถยนต์ทั่วไป สำหรับระบบ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ นั้นยังไม่ไปขั้นสูง ซึ่งมีการพัฒนารอไว้ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ขั้นสูงคนขับไม่ต้องใช้เท้าช่วยเบรกแต่อย่างใด แต่ฟอร์ดยังคงต้องใช้อยู่ซึ่งก็เคยมีติดตั้งในโฟกัสมาแล้ว
ขุมพลังและเกียร์จากเรนเจอร์
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ วางขุมพลังเบนซินและดีเซล มีให้เลือก 3 รุ่น (จำนวนรุ่นเครื่องยนต์ที่วางจำหน่ายจริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ) และระบบเกียร์ 6 สปีด ทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา โดยเครื่องยนต์ทั้ง 3 รุ่น ประกอบไปด้วย
- เครื่องยนต์เบนซิน อีโคบู๊สต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ รุ่นใหม่ พร้อมเทอร์โบแบบ Twin Scroll จะเปิดตัวออกสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิก เป็นครั้งแรกในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะทำตลาดในไทย
- เครื่องยนต์ ดีเซล ดูราทอร์ค TDCi 3.2 ลิตรแบบ 5 สูบรุ่นล่าสุด ซึ่งจะวางเป็นตัวท็อปไลน์ในไทย เป็นเครื่องเดียวกับ เรนเจอร์ 3.2 ตัวดัง อย่างไม่ต้องสงสัย
- เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค TDCi2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับเรนเจอร์ 2.2 จะวางอยู่ในตัวล่างและตัวกลาง ซึ่งถือว่าเพียงพอ “เครื่องยนต์ทั้ง 3 รุ่นนี้ มี2รุ่นที่คนไทยมีประสบการณ์ คือดีเซล ส่วนเบนซินนั้นไม่น่าจะขายในไทย เครื่องดีเซล 2.2 ลิตรและ3.2 ลิตรถือว่ายังมีสมรรถนะ ที่ยอดเยี่ยมอัตราเร่งดี เสียงเงียบประหยัดน้ำมัน เครื่องนี้ใช้ในมาสด้า BT50 Pro
การออกแบบ
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ รออกแบบที่เน้นถึงความโดดเด่นและ ติดตั้งไฟแอลอีดีแบบส่องว่างเดย์ไทม์ เป็นเอกลักษณ์ ควบคู่กับตัวถังที่ผ่านการทดสอบทางอากาศพลศาสตร์โดยละเอียดห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ประกอบด้วยวัสดุคุณภาพสูง และเส้นสายรอบคันที่สอดประสานกันอย่างกลมกลืนห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง หลังคากระจกขนาดใหญ่ ฝาท้ายรถระบบไฟฟ้า ช่องเก็บของกว่า 30 ช่อง ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับทั้งเบาะหน้าและเบาะหลัง และที่นั่งและพื้นที่เก็บของที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการใช้งานได้ โดยเบาะนั่งแถวสองและสามสามารถพับเก็บให้แบนราบได้ทั้งสองแถว
ระบบติดเสียงรบกวน
ระบบใหม่ที่เพิ่มมาในรถน่าสนใจคือ การติดตั้งเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) ไว้ภายใน เอเวอเรสต์ ใหม่ ทั้งพัฒนาซีลกันเสียงและวัสดุดูดซับเสียงภายในห้องโดยสารให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นอีกด้วยเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) มีในออดี้ เอ 8 คันล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปในไทย หลักการทำงานที่คล้ายคลึงกับการต้านเสียงรบกวนของหูฟังเพลงระดับพรีเมียม โดยภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ มีไมโครโฟนจำนวน 3 ตัว(ออดี้ มี4ตัว) ที่ทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ ตรวจจับและวัดระดับเสียง ก่อนที่ระบบควบคุมและเครื่องเสียงในตัวรถจะทำการสังเคราะห์คลื่นเสียงที่ตรงข้ามกันเพื่อหักล้างกับเสียงรบกวน จึงทำให้ห้องโดยสารเงียบสนิท ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถพูดคุยกับผู้โดยสารในแถวหลังได้โดยไม่ต้องใช้เสียงดัง
ความเก่งกาจของฟอร์ดทางด้านเทคดนโลยีไม่มีใครกังขาแต่ว่า ตลอดเวลาช่วง5ปีหลังเสียงจากผู้ใช้รถที่มีต่อฟอร์ดในแง่ของความคงทนของระบบเกียร์และการบริการหลังการขายยังทำให้คนที่รักฟอร์ด หวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย และไม่ต่างอะไรกับของดีแต่ขายไม่ได้หลายๆ ยี่ห้อที่ติดกับดักควาไม่เชื่อมั่นนี้ฟอร์ดเอเวอร์เรสต์ก็เช่นเดียวกัน[fblike]
ราคาฟอร์ด เอเวอร์เรสต์เดิม
รุ่น |
เครื่องยนต์ | ระบบส่งกำลัง |
ราคา |
Everest รุ่น 2.5L 4X2 XLT | ดีเซล ดูราทอร์ค คอมมอนเรล แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16V ขนาด 2.5 ลิตร | ธรรมดา 5 จังหวะ | ราคาเริ่มต้นที่ 989,000 บาท |
Everest รุ่น 2.5L 4X2 LTD NAVI AT | ดีเซล ดูราทอร์ค คอมมอนเรล แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16V ขนาด 2.5 ลิตร | อัตโนมัติ 5 จังหวะ | ราคาเริ่มต้นที่ 1,169,000 บาท |
Everest รุ่น 3.0L 4×4 LTD NAVI AT | ดีเซล ดูราทอร์ค คอมมอนเรล แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16V ขนาด 3.0 ลิตร | อัตโนมัติ 5 จังหวะ | ราคาเริ่มต้นที่ 1,269,000 บาท |