การมีบิ๊กไบค์สักคันคนเป็นความฝันของหลายคนและยิ่งคันนั้นเป็นบีเอ็มดับเบิลยู(BMW)ฝันนั้นคงมีความสุขยิ่งนัก
บีเอ็มดับเบิลยู นั้นมีแผนกจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์เรียกว่า บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ซึ่งจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ บีเอ็มดับเบิลยูแยกออกมาจากรถยนต์ ในเมืองไทยจักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยูถือว่ามีความก้าวหน้ามากเพราะว่า มีโรงงานประกอบซึ่งโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานแห่งเดียวที่ประกอบได้ทั้งรถไฮเอ็นด์และจักรยานยนต์ในหลังคาเดียวกัน
ในแวดวงสองล้อระดับพรีเมี่ยมแล้ว จังหวะจะโคนของบีเอ็มดับเบิลยูในการรุกตลาดน่าสนใจมากแม้ยอดจำหน่ายจะเทียบกับรถซูเปอร์ไบค์ ญี่ปุ่นไม่ได้แต่บีเอ็มดับเบิลยูก็มีจุดเด่น จุดขายในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีการเปิดสาธารณูปโภคพื้นฐาน อย่าง สนาม Enduro Park Thailand (สนามทดสอบรถแบบเอ็นดูโร่) เพื่อเป็นเครื่องมือในการทำตลาดสำหรับรถเซกเมนท์เอ็นดูโร ที่ บีเอ็มดับเบิลยูแข็งแกร่งมาในตลาดนี้ และ F800GT ก็เป็นรถจักรยานยนต์ตัวล่าสุดที่ได้แนะนำสู่ตลาดเมื่อพ.ย.58ที่ผ่านมาตั้ง
เต็มสุดของทัวริ่ง
F800GT เป็นจักรยานยนต์แนว สปอร์ตทัวริ่ง อยู่ในซีรี่ส์ “F” ซึ่งซีรี่ส์ดังกล่าวในตลาดเมืองไทย ประกอบไปด้วย F700 GS (445,000บาท) F800 R (450,000 บาท)และ F800 GS(530,000 บาท)ในขณะที่ค่าตัวของ F800GT อยู่ที่ 510,000บาทโครงสร้างF 800 GT เป็นรถจักรยานยนต์ที่พัฒนามาเพื่อการตอบสนองการเดินทางในรูปแบบการท่องเที่ยว ฟังก์ชั่นหลักๆแทบทุกจุดทำมาเพื่อการขับท่องเที่ยวไม่ว่าท่านั่ง กันตกขนาดใหญ่ กันลมหน้า รวมถึงการเซ็กอารมณ์การขับขี่ด้วยโครงสร้างและ องค์ประกอบพื้นฐานนั้นแบ่งปันมาจาก ซีรีส์ F 800 ไม่ว่าจะเป็น การจัดทรง การวางเฟรมเครื่องยนต์ ระบบถ่ายทอดกำลัง สายพานขับเคลื่อน เพียงแต่ F800GT จัดทรงแต่งองค์ใหม่ ให้ระบบแอโร่ไดนามิกได้ทำหน้าที่ของมันแบบเต็มพร้อมๆกับ สติกเกอร์ สีแดง คำว่า “F800GT”
หน้าไม่ดุซ่อนทรง
หากมองรถในขณะที่จอดF800GT ให้ความรู้สึกสปอร์ต เพราะว่า แฟริ่งที่ใส่มาท่อนบนและท่อนล่างให้แบบเต็มเวลามองภาพของจึงรู้สึกว่าตัวรถค่อนไปทางยาวและใหญ่ ไฟหน้าเป็นแบบโคมเต็ม ภายในมีโคมที่แบ่งออกเป็นสองชุด เมื่อพูดถึงรูปแบบการเดินทางแบบทัวริ่ง F 800 GT มีสิ่งที่ดีมากคือ การกันลม เมื่อความเร็วสูง เพราะกรอบกระจัง ขนาดใหญ่ สามารถสร้างอุโมงค์ลมได้ดี เมื่อถึงถนนเรียบๆ ความเร็วสูง เราจะเห็นประสิทธิภาพของมัน

โดยพื้นฐานนั้น จักรยานยนต์ของBMWเน้นเรื่
องความสมดุลย์เป็นสำคัญ ดังนั้น เราจะเห็นโครงสร้างที่ต่างออกไปเช่นการวางถังน้ำมันไว้ใต้เบาะนั่งหลัง ในขณะที่รถญี่ปุ่น วางถังน้ำมันอยู่ด้านหน้า F 800 GTยังถูกสร้างขึ้นเพื่อความแตกต่างอีกหลายจุด เช่น ตำแหน่งท่อไอเสีย BMWเลือกเอาไว้ ทางด้านซ้ายไม่ได้อยู่ขวาแบบรถญี่ปุ่นระบบเซฟตี้มาพร้อมโดยสวิสต์สต๊าทเครื่องซึ่งเป็นเซฟตี้ในตัว มี3จังหวะ สตาร์ท , ออฟ และ เซฟตี้
มาตรฐาน ทางด้านเครื่องยนต์ F 800 GTถูก วางแบบขนาน สองสูบอันเป็นพื้นฐานของเครื่องยนต์ที่BMW ใช้เครื่องยนต์บล๊อกเดียวกับ F800GS, F800R, F700GS คือ Parallel Twin 798cc ใช้เป็น กรอบการพัฒนาและวางลักษณะเครื่องมานาน
เครื่องดีเอ็นเอ บีเอ็มล้วนๆ
เครื่องยนต์ F800GT ให้กำลัง 90 แรงม้า แรงบิดที่ 86 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนแบบสายพาน
ผมเลือกเดินทาง ยาวๆ จากกรุงเทพ สิ้นสุดที่ นครสวรรค์ ตามระยะทางจาก บางนา ถนนศรีนครินทร์ บางกะปิ กม.8 สะพานใหม่ วิภาวดี ไปจนนวนคร เบี่ยงออกซ้าย บ่ายหน้าไปอยุธยา ต้องบอกว่าเฉพาะช่วงสะพานใหม่ สาหัสเอามากๆ เพราะ การก่อสร้างรถไฟฟ้า เบียดให้ช่องของรถยนต์เหลือแค่2ช่อง ในขณะที่ F800GT คันใหญ่ครับ จอดๆ หยุดๆ หาช่องว่างไม่ได้ จนมือล้า เพราะกำคลัชน์

หลังจากพอมีพื้นที่ว่างบนถนน ผมก็รีบสับเกียร์ทันที
ช่วงกำลังของรถกว้าง ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย ในขณะที่เวลาต้องเจอตะเข็บถนน ในเมือง ช่วงล่าง มาตรฐานที่ให้มานั้นดูดซับความรู้สึกสะเทือนได้ดี (F800GT ให้ออฟชั่น ตั้งค่าระบบรองรับแรงสะเทือนหลังได้3ระดับ)
หลุดจากเมืองผมแวะ พบปะท่านประธาน ซกคิ แห่งมิตซูบิชิ ที่สำนักงานใหญ่ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ประเทศไทย ส่วนหนึ่งเพื่อพักเหนื่อยจากที่ขี่ในเมือง ติดต่อกันไม่น้อยกว่า2ชั่วโมง
จากนั้นก็เป็นเรื่องของทางไฮเวย์ยาวๆ ลาล่ะถนนกรุงเทพ ผมสับเกียร์ 3 4 5 6 ในเวลาไม่นาน
ไฮเวย์ขับสนุก
ทางไฮเวย์ คุณจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าสองล้อคันหล่อ นี้ทันที ไม่ต้องใช้ความพยายามในการควบคุมมากนัก แถมยังรู้สึกเบา ไปตามธรรมชาติ
ความสามารถของ F800GT เมื่อต้องเดินทางโล่งๆ ระดับความเร็ว100-120 ก.ม./ชม. กับพื้นผิวถนนดีๆ ต้องบอกว่า ความเหนื่อยสะสม เกิดขึ้นน้อยมาก เราควบคุมรถด้วยสะโพก แบบไม่ต้องกังวลกับการเข้าโค้ง ที่สำคัญ รถมีความมั่นคงมาก ทำให้ไม่จำเป็นเกร็งตัวในการคุมรถ

ความแข็งแกร่งของBMW F800GT แสดงให้เห็นในช่วงที่เราเร่
งความเร็วสูงๆ การสั่นสะเทือนไม่มากนัก
ความรู้สึกนุ่มขณะทำการเปลี่ยนเกียร์ จากระบบสายพานขนาดใหญ่ ทำให้สนุกที่จะบิดมันขึ้นไปอีก แน่นอนเรื่องของความร้อนจากเครื่อง พอสัมผัสได้ในช่วงที่ขี่ในเมืองแต่ก็ไม่มาก
ขี่ F800GT อยู่ในระยะทางมากกว่า 500 กม.ผมว่า เสห่ห์ของ F800GT อยู่ที่”เสียง”ที่ไม่มากเกินไป แรงบิดสูงในรอบต่ำ แทบจะไม่ต้องเดินคันเร่งในเมืองเลย ส่วนข้อด้อยคือ ในถนนที่แออัด บางทีรอให้ถนนว่างๆ แล้วค่อยไปออกศึกก่อนก็ดีเหมือนกันครับ[fblike]