Home รถยนต์ รถใหม่ต่างแดน Aston Martin เปิดตัว Vanquish Zagato Limited Edition

Aston Martin เปิดตัว Vanquish Zagato Limited Edition

แอสตัน มาร์ติน เปิดตัว แวนควิช ซากาโต (Vanquish Zagato) รุ่นลิมิเต็ดสุดพิเศษ เพียง 99 คันเท่านั้น Aston-Martin-Vanquish-Zagato-front-three-quarter-in-motion

แอสตัน มาร์ติน ประกาศเดินหน้าผลิตยานยนต์ แวนควิช ซากาโต คูเป้ (Vanquish Zagato Coupe) รุ่นลิมิเต็ดที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ อันเป็นผลงานการสร้างสรรค์ล่าสุดภายใต้ความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับ ซากาโต (Zagato) ผู้นำด้านการออกแบบสัญชาติอิตาลี

ยานยนต์ต้นแบบ แวนควิช ซากาโต ได้รับการเปิดตัวอย่างน่าประทับใจภายในงาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este บริเวณริมทะเลสาบโกโม ประเทศอิตาลี เมื่อเดือนพ.ค. 16 แม้จะได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากผู้ชื่นชอบยนตรกรรมสุดหรู แต่ยานยนต์รุ่นพิเศษนี้จะได้รับการผลิตเพียง 99 คันเท่านั้น และเป็นการผลิตตามสั่งภายในโรงงานผลิตของแอสตัน มาร์ติน ณ เมืองเกย์ดอน ประเทศอังกฤษ

Aston-Martin-Vanquish-Zagato-side
แวนควิช ซากาโต เป็นยนตรกรรมลำดับที่ 5 ภายใต้ความร่วมมือที่สืบเนื่องยาวนานกว่า 5 ทศวรรษ ด้วยการผสานรวมจุดเด่นด้านความปราดเปรียวในการขับขี่แบบไดนามิกและคุณภาพดีของวัสดุที่ใช้ในการผลิตยานยนต์ของแอสตัน มาร์ติน เข้ากับรูปแบบการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์อิตาลีของซากาโต นอกจากจะเป็นยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตที่สุดแสนเร้าใจแวนควิช ซากาโต ยังมาพร้อมความหรูหราและความประณีตขั้นสูงสุดตามแบบฉบับของแอสตัน มาร์ตินด้วย

Aston-Martin-Vanquish-Zagato-interior

แอสตัน มาร์ติน เป็นพันธมิตรร่วมกับซากาโต ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยพลังภายใต้สุนทรียะตั้งแต่รุ่น ดีบี4 จีที ซากาโต (DB4 GT Zagato) ในปี 1960 (มูลค่าปัจจุบันมากกว่า 10 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 517 ล้านบาท) รวมถึงรุ่น วี8 แวนเทจ ซากาโต (V8 Vantage Zagato) ที่ได้รับการเปิดตัวในปี 1986, ดีบี7 แวนเทจ ซากาโต (DB7 Vantage Zagato) ในปี 2002 และ วี12 แวนเทจ ซากาโต (V12 Vantage Zagato) ในปี 2011

Aston-Martin-Vanquish-Zagato-badge

ทั้งนี้ แวนควิช ซากาโต จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทำเนียบยนตรกรรมดังกล่าว และถือเป็นยนตรกรรม จีที อีกรุ่นที่สั่งสมประสบการณ์ร่วมกันมาเป็นระยะเวลาหลายปีในการหลอมรวมขีดความสามารถและความพิถีพิถันอันเหนือชั้นของแอสตัน มาร์ติน เข้ากับดีไซน์อันโดดเด่นเฉพาะตัวในทุกรายละเอียดของซากาโต ก่อกำเนิดเป็นยานยนต์สไตล์สปอร์ตที่ทั้งหรูหราและสง่างามแอสตัน มาร์ตินได้อัปเกรดเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.0 ลิตรขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มกำลังส่งออกให้ได้ถึง 600PS ทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.5 วินาที และเมื่อผสานรวมสมรรถนะดังกล่าวเข้ากับระบบกันสะเทือนที่ ได้รับการปรับตั้งเป็นพิเศษ ก็ยิ่งทำให้แวนควิช ซากาโต สามารถส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ยนตรกรรม จีที ได้อย่างโดดเด่นไม่เหมือนใคร

Aston-Martin-Vanquish-Zagato-interior-seats

สำหรับรูปแบบการผลิตแวนควิช ซากาโต รุ่นจำหน่ายไม่ได้แตกต่างไปจากรถต้นแบบที่จัดแสดงในงาน Villa d’Este โดยจะยังคงรูปลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของแอสตัน มาร์ติน อย่างแท้จริง ตัวถังทั้งหมดของยานยนต์รุ่นนี้ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และลดจำนวนการแยกชิ้นส่วนของตัวรถด้วยการขึ้นรูปชิ้นส่วนขนาดใหญ่ให้กลมกลืนเป็นชิ้นเดียว

Aston-Martin-Vanquish-Zagato-front-wheels

นอกจากนี้ยังออกแบบไฟท้ายใหม่ให้มีตัวสะท้อนแสงทรงกลมรูปแบบคลาสสิกตามสไตล์ของซากาโต เป็นการออกแบบที่ใช้เทคโนโลยีไฟ LED แบบ “เบลด” เหมือนกับที่ใช้ใน แอสตัน มาร์ติน วัลแคน ขณะที่กระจกมองข้างได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรุ่น วัน-77 โดยตรง ส่วนท้ายของแวนควิช ซากาโต ดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ปรับใช้กับรุ่น ดีบี11 เสริมความสมบูรณ์แบบด้วยสปอยเลอร์แบบเลื่อนเก็บได้และฝากระโปรงท้ายที่ช่วยให้เข้าถึงช่องเก็บสัมภาระได้อย่างง่ายดาย ติดตั้งกาบบันไดคาร์บอนไฟเบอร์รอบคันเพื่อสร้างเส้นสายที่สอดรับกันตั้งแต่หัวจรดท้าย พร้อมฝังชุดท่อไอเสียเข้ากับช่วงล่างที่โค้งมนได้อย่างกลมกลืน

แวนควิช ซากาโต ติดตั้งกระจกรอบตัวรถเสมือนที่บังลม ช่วยขับเน้นรูปลักษณ์ให้ดูแข็งกร้าวยิ่งขึ้น ช่องรับลมด้านข้างทรงคลาสสิกได้รับการออกแบบใหม่ให้วางแนวเริ่มตั้งแต่ส่วนซุ้มล้อจนถึงประตูคล้ายกับช่องรับลมของ ดีบี11 รุ่นใหม่ เสริมด้วยรายละเอียดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่น ซีซี-100 อันเป็นยนตรกรรมที่ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปี และเพื่อให้สอดรับกับแนวหลังคาอย่างกลมกลืน ซุ้มล้อหลังจึงได้รับการปรับโฉมใหม่ให้มีลักษณะเป็นปีกอยู่ทางด้านหลัง
ส่วนหลังคาโดดเด่นในสไตล์ ‘Double-Bubble’ ลาดเอียงรับกันกับกระจกหลัง ทำให้ได้ทรวดทรงด้านหลังที่ไม่มีใครเหมือน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของซากาโต มาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1950 โดยถือกำเนิดมาจากแนวความคิดที่ต้องการเพิ่มพื้นที่รองรับหมวกกันน็อคที่สวมใส่ในการแข่งขันและจะต้องส่งผลกระทบต่อหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถให้น้อยที่สุด

การตกแต่งภายในของแวนควิช ซากาโต ยังคงยึดมั่นในรูปลักษณ์เดิมของแอสตัน มาร์ติน ที่ให้ความสำคัญกับงานฝีมืออันประณีตบรรจง ให้สัมผัสความรู้สึกที่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว ผสมผสานวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ลายก้างปลาเข้ากับหนังแท้ (เลือกได้ตามต้องการ) และใช้เทคนิคการชุบอโนไดซ์สีบรอนซ์ เพื่อเสริมความโดดเด่นให้กับกรอบคอนโซล ช่องลม และปุ่มหมุนปรับต่างๆ ด้วยวัสดุคุณภาพ นอกจากนี้แวนควิช ซากาโต ยังเดินเส้นด้ายเป็นรูปตัว ‘Z’ บริเวณเบาะนั่งและประตู รวมถึงพิมพ์นูนโลโก้ ‘Z’ ที่แสดงตัวตนของซากาโต ไว้อย่างเด่นชัดที่พนักพิงศีรษะและคอนโซลส่วนกลาง

แวนควิช ซากาโต คือหน้าประวัติศาสตร์บทใหม่ที่สำคัญของสองแบรนด์หรู และเป็นยนตรกรรม จีที สุดพิเศษอย่างแท้จริงที่เปี่ยมล้นด้วยความมีเอกลักษณ์และคุณภาพขั้นสูงสุดที่มีเฉพาะในแอสตัน มาร์ติน เท่านั้น สำหรับยนตรกรรมสุดพิเศษนี้พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2017

Aston_Martin-Vanquish_Zagato-2017-1600-09[fblike]

Previous articleแบตเตอรี่รูปแบบใหม่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า
Next articleโตโยต้ารับพิษเศรษฐกิจเลิกจ้างพนักงานรับเหมาช่วง