(กรุงเทพฯ – 9 ตุ.ค.63) ฮอนด้า  เดินหน้าพัฒนายนตรกรรม ตอบรับวิสัยทัศน์ 2030 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการใช้ชีวิตของผู้คนทั้งในด้านการเดินทางและการใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ เพื่อก้าวไปสู่สังคมปลอดมลพิษ (CO2 Free Society) และสังคมปลอดอุบัติเหตุ (Collision Free Society) โดยมีเป้าหมายว่า ในปี 2030 รถยนต์ฮอนด้าที่ผลิตและจำหน่ายทั่วโลกจะต้องเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจำนวน 2 ใน 3 ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยปัจจุบัน ได้นำเสนอเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและความปลอดภัยแห่งอนาคตให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสแล้ว

– ระบบขับเคลื่อนไฮบริด เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อการพัฒนาสู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคตระบบไฮบริดแบบ Advanced Full Hybrid ที่มีประสิทธิภาพสูง หรือระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ซึ่งในประเทศไทยได้ติดตั้งใน ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด เป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน เป็นระบบ Full Hybrid ที่มีสมรรถนะอันทรงพลัง โดยให้กำลังสูงสุดทั้งระบบถึง 215 แรงม้า ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร

สำหรับแบตเตอร์รี่ไฮบริดแบบลิเธียม-ไอออน มีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด สามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว และจ่ายไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแบตเตอรี่ไฮบริดชนิดอื่นในขนาดเท่ากัน จึงให้สมรรถนะสูง สามารถขับขี่ได้ต่อเนื่องยาวนานเมื่ออยู่ในโหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้า อีกทั้งสามารถสกัดลิเธียมออกมา เพื่อทำการรีไซเคิลได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังสามารถขับขี่ได้วย การปรับเปลี่ยนโหมดต่างๆ  ได้แก่

  1. โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และในขณะลดความเร็วจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่
  2. โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว มีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ
  3. โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อกอัพคลัทช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและแรงเสียดทานต่ำ

– ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ

ในการใช้รถใช้ถนน ผู้ขับขี่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมรถยนต์ แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมทุกปัจจัยบนท้องถนนได้ด้วยตนเอง เทคโนโลยีฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า จะควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นการเพิ่มความอุ่นใจและความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางบนท้องถนนได้อีกทางหนึ่ง
ในประเทศไทย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ได้เริ่มติดตั้งครั้งแรกใน ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2559 ตามด้วยรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในลำดับถัดมา ได้แก่ ฮอนด้า ซีวิค, ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก, และ ล่าสุด ฮอนด้า ซีอาร์-วี

   ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง เป็นการผสานการทำงานอย่างอัจฉริยะดุจประสาทสัมผัสแห่งอนาคต โดยมีเรดาร์ทำงานประสานกับตัวกล้องด้านหน้า สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนคนขับและช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยฟังก์ชันต่างๆ อาทิ

  1. ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking SystemCMBS)
  2. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with LowSpeed FollowACC with LSF)
  3. ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist SystemLKAS)
  4. ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure WarningRDM with LDW)
  5. ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto HighBeamAHB)

The Future is Now
ทั้งหมดคือ เทคโนโลยีแห่งอนาคต ทั้งเทคโนโลยีการขับเคลื่อน ระบบ Sport Hybrid i-MMD และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนซิ่ง (Honda SENSING) ที่ติดตั้งนรถฮอนด้าปัจจุบัน