มีผู้คนมากมายที่เลือกซื้อรถมือสองด้วยเหตุผลว่า ต้องการรถคันแรกเอาไว้ใช้งาน ราคาไม่แรงเกินไป และกำลังทรัพย์ที่พอจะผ่อนจ่ายไหว
ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีหากเรามีความคิดว่าจะไม่ใช้จ่ายเกินตัวไปนัก ดีกว่าไปซื้อรถใหม่ที่ราคาเกินกำลัง จนสุดท้ายก็ผ่อนไม่ไหว เสียประวัติการเงินให้ลำบากใจกันเข้าไปใหญ่ แต่การจะเลือกซื้อรถมือสองให้ได้รถที่ถูกใจนั้น มันไม่เหมือนกับเดินไปตลาดเลือกปลา เลือกหมู หรือเลือกไก่ เพราะขึ้นชื่อว่า “รถ” นั้นย่อมมีอะไรที่ซับซ้อนเกินกว่าคนที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์จะเข้าใจได้ มีหลายเสียงบอกว่า ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องการซ่อมแซมรถก็ขอให้หลีกหนีการซื้อรถมือสอง ไม่งั้นจะกลายเป็น “เจ็บ” มากกว่าจะ “สุข” ตลอดเส้นทางการขับขี่ แต่ทำไงได้ บางครั้งเราอยากได้รถสักคันมันไม่จำเป็นต้องซื้อมือหนึ่งตลอดก็ได้ไม่ใช่เหรอ?
เอาเป็นว่าครั้งนี้เราขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อรถมือสองแบบเบื้องต้น เพื่อเอาไว้ให้คุณมีความรู้พกติดตัวสักหน่อย ดีกว่าเดินไปแบบโล่งๆ ให้เจ้าของเต้นท์ปั่นหัวเอาได้
- ศึกษาจุดเด่นจุดด้อยของรถที่เราต้องการจะซื้อ เพื่อดูว่ามันมีปัญหาจุกจิกมากน้อยแค่ไหน และหากอยากได้จริงๆ ปัญหาต่างๆ ที่รถมีนั้น เราจะต้องเตรียมงบเพิ่มอีกเท่าไรเพื่อปรับปรุงมัน
- เลือกเต้นท์ที่มีมาตรฐานการนำรถเข้ามาขาย มีบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ หากไม่รู้แนะนำว่า ลองค้นหาชื่อเต้นท์ที่เราจะไปใน Google เพื่อดูว่าตามกระทู้เว็บบอร์ดต่างๆ มีใครเคยมาโพสเสียบประจานกันไว้บ้างหรือเปล่า แล้วพอไปถึงที่เต้นท์รถก็พิจารณาจากสิ่งแวดล้อม ความสะอาดของพื้นที่ การพูดจาของคนขาย สภาพรถต่างๆ โดยรวมที่จอดอยู่ในเต้นท์
- กำหนดรุ่นรถในใจว่า เราอยากได้รถอะไร ปีไหน สภาพที่พอรับได้เป็นอย่างไร เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องสับสนมากนักว่า จะซื้อรถอะไรคันไหนดี
- เมื่อไปถึงที่เต้นท์ ลองสอบถามรุ่นรถที่เราต้องการ ถ้ามีคนขายจะพาเราเดินไปดู ครั้งแรกที่เราเห็นรถก็ลองเดินวนดูรอบคัน จะวน 4 รอบ หรือ 10 รอบก็ได้ อย่าไปเกรงใจคนขาย เพราะรถไม่ได้ซื้อกันบ่อยๆ ควรดูให้ชัวร์ก่อนว่า สภาพดี ตัวถัง หรือสภาพล้อและยาง มีความสึกหรอมากน้อยแค่ไหน
- เมื่อเดินวนดูรอบๆ เสร้จแล้วลองขอเปิดฝากระโปรงรถดูก่อน ไม่แนะนำว่าถ้าคนขายเป็นผู้หญิงเราจะไปขอเปิดกระโปรงเลยก็อาจจะโดนตบได้ พูดด้วยภาษาช่างนิดหน่อยว่า “อยากดูเครื่องยนต์หน่อยครับ/ค่ะ” หากไม่เคยรู้ว่าหม้อน้ำอะไรอยู่ตรงไหน หัวเทียนเปลี่ยนอย่างไร ก็ยังไม่เป็นไร เบื้องต้นลองดูว่ามีคราบน้ำมันซึมหรือรั่วตามท่อหรือขอบต่างๆ หรือไม่
- หลังจากนั้นอาจจะขอให้คนขายช่วยยกรถขึ้น เพื่อขอดูทุกจุดใต้ท้องรถ บางคนสภาพโดยรวมสวยงามหมดจดมาก แต่ใต้ท้องรถเป็นสนิมแบบนี้ก็ให้ระวังว่าเมื่อใช้รถต่อไปนานก็พื้นรถอาจจะผุ ต้องเสียเงินปะผุกันต่ออีก
- เปิดฝากระโปรงดูเครื่องยนต์เสร็จแล้วก็ขอเข้าไปดูภายในรถกัน เพื่อขอเช็คระบบไฟฟ้าต่างๆ ของรถที่อยู่บนแผงคอนโซล ควรตรวจสอบทุกอย่าง แม้กระทั่งดวงไฟที่ติดอยู่บนเพดานรถ เพื่อดูว่าการทำงานของระบบยังราบรื่นอยู่หรือเปล่า
- จัดการสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อฟังเสียงโดยรวมของรถว่า มีเสียงอย่างอื่นที่ผิดไปจากเสียงเครื่องยนต์หรือเปล่า เช็คระบบไฟต่างๆ อีกครั้ง หลังจากนั้นลองดูว่า ระบบเกียร์เดินหน้า – ถอยหลัง เป็นอย่างไรบ้าง การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลมากน้อยแค่ไหน แล้วก็ลองขอขับรถเพื่อทดสอบทุกอย่างโดยรวม แนะนำว่า “อย่าซื้อรถมือสอง ถ้าหากยังไม่ได้ลองขับ” เพราะว่า บางครั้งปัญหาต่างๆ อาจจะเกิดขึ้นตอนเราทดสอบขับมันจริงๆ นี่แหละ ระบบเกียร์ คันเร่ง พวงมาลัย ระบบเบรค ระบบโช๊ค ระบบช่วงล่าง เครื่องปรับอากาศ และเสียงรบกสนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างขับขี่ทดสอบ ถ้าคนขายหรือทางร้านไม่ยอมให้ทดสอบ ก็เลิก และกลับบ้านทันที ไม่ต้องเจรจาให้มากความ
- เมื่อทดสอบการขับขี่เสร็จแล้ว ให้ลองเปิดฝากระโปรงรถดูอีกครั้ง สำรวจการรั่วซึมต่างๆ ว่ามีหรือไม่ ใต้ท้องรถก็เช่นกัน ขอดูว่ามีอะไรผิดปกติ มีรอบชำรุดอะไรหรือเปล่า
- สิ่งสำคัญอีกเรื่องคือ สอบถามถึงเอกสารต่างๆ ของรถ คู่มือการใช้รถ สมุดทะเบียน ประวัติการเข้าศูนย์บริการ รีโมทรถ และ กุญแจสำรอง มีครบหรือไม่
- จากข้อแนะนำทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะเดินเข้าไปเลือกซื้อรถมือสองด้วยตัวเองคนเดียว แนะนำว่า หาช่างที่ไว้ใจได้สักคน หรือเพื่อนที่ดูรถเป็น มีความชำนาญในการดูรถมือสองไปร่วมพิจารณาซื้อรถด้วย เพื่อความสบายใจและช่วยกันคิดว่า รถคันนี้เหมาะกับคุณหรือไม่!!!