inkaNet “เทคโนโลยีเชื่อมต่อระหว่างคนขับกับรถแบบเรียลไทม์ ในรถยนต์เอ็มจีซึ่งคาดว่าจะถูกนำมาใช้ในเร็วๆ ในเอ็มจีรุ่นใหม่
รถยนต์เอ็มจี(MG) จากอังกฤษที่จำหน่ายในบ้านเรา ได้พัฒนาระบบสื่อสารเพื่อเชื่อมโยงคนขับขี่และเครือข่ายต่างๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นที่นิยมพัฒนากันหลายค่ายหลังจากที่โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนมีความก้าวหน้ามากขั้นโดย เอ็มจีเรียกระบบของตัวเองว่า inkaNet
inkaNet คือ ระบบอัจฉริยะที่ใช้สื่อสารระหว่างรถยนต์เอ็มจีกับผู้ขับขี่ โดยเชื่อมต่อกันผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย ให้ความสะดวกในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับรถ สถานะของรถ การจราจร เส้นทาง ระบบนำทางที่สามารถกำหนดเพิ่มเติมสถานที่ที่สนใจของผู้ขับขี่ได้ด้วยตัวเอง โดยผู้ใช้สามารถใช้งานและสั่งการได้ผ่านทางสมาร์ทโฟนและหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และวางใจได้ในการขับขี่ในทุกการเดินทาง
inkaNet เป็นนวัตกรรมที่เอสเอไอซี มอเตอร์ (SAIC Motor) บริษัทแม่ของเอ็มจีได้พัฒนาขึ้นและเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2553 ในช่วงแรกฟังก์ชั่นหลักของ inkaNet เน้นความบันเทิงแบบ Real-Time ด้วยการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จากนั้น เอสเอไอซี มอเตอร์ ได้ค้นคว้าและพัฒนาระบบนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มฟังก์ชั่นระบบนำทาง และระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ เพิ่มเติม
inkaNet ทำงานอย่างไร
รถยนต์ เอ็มจี ที่มีระบบ inkaNet จะติดตั้งกล่องควบคุมที่เรียกว่า T-Box จากโรงงาน โดยกล่อง T-Box ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างรถยนต์กับผู้ขับขี่ โดยผู้ใช้สามารถใช้งานระบบ inkaNet ผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่
- Application inkaNet บนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
- Website (www.mgcars.com) ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
- MG Call Center (1-800-999-988 , 1-401-999-988 กด 3)
ฟังก์ชั่นที่ให้บริการข้อมูลรถยนต์และความปลอดภัยของรถยนต์เอ็มจีได้แก่
- ตรวจสอบสถานะการทำงานของรถ (Vehicle Status Update) ฟังก์ชั่นนี้จะแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบสถานะปัจจุบันของรถยนต์ อาทิ ระยะทาง ประตูปิดสนิทหรือไม่ ประตูล็อกแล้วหรือไม่ กำลังไฟที่เหลือในแบตเตอรี่ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง และอุณหภูมิภายนอกรถ โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะดังกล่าวได้ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่
- การควบคุมการทำงานของรถ (Remote Vehicle Control) ฟังก์ชั่นนี้อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ในการสั่งล็อก/ปลดล็อกรถได้จากระยะไกลผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนและผ่าน MG Call Center นอกจากนี้ยังช่วยค้นหารถในที่มืดได้อีกด้วยโดยใช้ฟังก์ชัน Find My Car ซึ่งระบบจะสั่งให้รถเปิดไฟหน้า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหารถได้ง่ายยิ่งขึ้น
- ระบบการเตือนความผิดปกติของรถยนต์ (Vehicle Alarm)
ระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่รถ ได้แก่
- เตือนการเคลื่อนไหวผิดปกติ:เมื่อรถยนต์มีการเคลื่อนที่แบบผิดปกติ ในกรณีที่ถูกเข็นออกจากที่จอดเป็นระยะทางมากกว่า 20 เมตร
- เตือนรถยนต์ติดเครื่อง:ทันที่ที่มีการติดเครื่องยนต์ระบบจะส่งข้อความแจ้งเตือนความผิดปกติดังกล่าวข้างต้น ผ่านทาง SMS และ Push Notification บนแอพพลิเคชันผ่านทางสมาร์ทโฟน เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับทราบ
- การติดตามรถยนต์แบบ Real-Time (Real-time Vehicle Monitoring) ฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามตำแหน่งของรถได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในกรณีทีรถถูกขโมย ผู้ใช้สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือเบื้องต้นผ่าน MG Call Center ในการช่วยติดตามและแจ้งตำแหน่งของรถ รวมถึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามรถที่ถูกขโมยไป
- การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ (Remote Vehicle Diagnosis) ฟังก์ชั่นนี้ช่วยอำนวยความสะดวกในกรณีที่เกิดความผิดปกติระหว่างการขับขี่ โดยผู้ขับขี่สามารถตรวจเช็คความผิดปกติในการทำงานของรถยนต์ อาทิ เครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบถุงลมนิรภัย ผ่านทางแอพพลิเคชัน หรือ ติดต่อ MG Call Center เพื่อขอรับคำแนะนำเบื้องต้นได้เช่นกัน