เมอร์เซเดส-มายบัค กลายเป็นเรื่องของติ่งขึ้นมาในกระแสการเมือง จริงๆ แล้ว เมอร์เซเดสเบนซ์ นั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเป็นองค์กรลับที่จีน เขาทำแต่รถแบบที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูเหนือระดับ ดังจะเล่าให้ฟังนี้ ที่Mercedesเขาเป็นเจ้าของรถหรหราแบรนด์หนึ่งชื่อ Maybach อ่านออกเสียงว่า “มายบัค “ ถูกพัฒนาชื่อชั้นขึ้นมาเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็น ที่สุดแห่งเมอร์เซเดส-เบนซ์

มายบัค (2018) ตัวที่สั่งซือได้ในเมืองไทย ราคา 16.4ล้านบาท

ตัวบริษัทก่อตั้งโดย วิลเฮล์ม มายบัค และลูกชาย คาร์ล มายบัค รถยนต์ของมายบัคมีลักษณะเป็นรถยนต์หรูหราขนาดใหญ่ นอกจากทำรถยนต์แล้ว ช่วงแรกๆ “มายบัค”ยังได้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับอากาศยานเช่น เรือเหาะ (Zeppelin) พอระหว่างช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 มายบัคได้ผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์สำหรับกองทัพเยอรมันเป็นส่วนใหญ่ ที่เป็นที่รู้จักได้แก่ แพนเซอร์ โฟร์ ไทเกอร์ วัน และ รถถังแพนเทอร์ ภายหลังสงครามบริษัทยังคงผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับรถไฟ เช่น เครื่อง เยอรมัน วี200 และ บริติชเรล คลาส 52

มายบัคปี2011 ในยุคที่พัฒนาบนเอส-คลาส โฉมเก่าและยังไม่มีLOGO มายบัคที่เสาC

มายบัค ในมือของเจ้าของและผู้ก่อตั้งไปไม่ไหว ทำรถแล้วแข่งขันไม่ได้เลยถูก เดมเลอร์​เอจีเข้ามากกอบกู้กิจการไปในปี2503 ด้วยแนวคิดการพัฒนารถ ให้เป็นเบนซ์เหมือนเบนซ์ฝั่งเดมเลอร์เลยทำรถตรา มายบัค โดยนำ เบนซ์ มาเป็นพื้นฐานแล้วขยานฐานล้อให้ยาวขึ้น เติมความหรูหราทุกรูปแบบเพื่อจะแข่งขันกับโรลส์-รอยซ์(RR)
และเบนทลีย์ ของอังกฤษแต่ว่า ทางโรลซอยด์ทำได้ดีกว่าเพราะ RR นั้นพัฒนารถที่พัฒนาทั้งคันไม่ได้ เอาเบนซ์มาดัดแปลง แถมมีประวัติความเป็นมาที่คลาสสิคกว่า เลยทำให้ยอดขายของมายบัคไปไม่ได้เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เมอร์เซเดส-เบนซ์ก็แถลงว่าจะยุติสายการผลิตรถยนต์มายบัค ในปี พ.ศ. 2556 เนื่องจากมียอดขายน้อยเมื่อเทียบกับ

มาบัคในอดีตของสยามประเทศก็มีการนำเข้ามาขายแบบ ลุ่มๆดอนๆ เป็นช่วงเวลาเดียวกับบริษัทแม่ ติดๆ ขัดๆ จนกระทั่ง สมัยคุณไมเคิล เกรเว่ เป็นประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด  หรือช่วงเวลา ราว สิงหาคม 2015 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ประเทศไทยก็นำเอาแบรนด์นี้ กลับมาทำตลาดอีกครั้ง
 โดยกลับมาคราวนี้ชื่อเต็มของแบรนด์คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มายบัค( Mercedes-Maybach) ไม่ใช่แค่ มายบัคเฉยๆ(ค่ายนี้ก็ตั้งชื่อให้คลายๆ กันจนจำยากอยู่เรื่อย )

ที่สุดของมายบัค คือ รุ่น S600 Pullman Maybach Guard สดยอดรถกันกระสุน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ถือว่าเป็นแบรนด์ ยนตรกรรมหรูลำดับที่ 2 ภายใต้แบรนด์ Mercedes ต่อจาก Mercedes-AMG โดยรุ่นที่ทางบริษัทฯ นำมาเปิดตัวในประเทศไทยช่วงนั้นคือ  รุ่น Mercedes-Maybach S 500 มีกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ที่กลุ่มผู้บริหารระดับสูง และกลุ่มธุรกิจฟลีท โรงแรมระดับ 5 ดาวของเมืองไทย ส่วนใหญ่ซื้อรถไปให้บริการลูกค้าของโรงแรมอีกที

ภายในของรถรุ่นกันกระสุนS600 Pullman Maybach Guard

Mercedes-Maybach S 500 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8  ระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 4,663 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 455 แรงม้าที่  5,250-5,550 รอบ/นาที แรงบิด700 นิวตันเมตร ที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250กม./ชม. Mercedes-Maybach S 500 ราคา 16,900,000 บาท

สิ่งที่มีแพงกว่าเบนซ์ทั่วไป คงต้องบอกว่ารถแบบนี้ขายถูกคงไม่มีคนซื้อเพราะว่าเขาใช้ไป งาน ไปทำธุรกิจ ไม่ใช่มาขี่เล่นๆ จ่ายกับข้าว
สเปคละเอียดของรถดูได้เลย (ปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โปรดตรวจสอบกับ ตัวแทนในไทย)

Mercedes-Maybach S 500 ราคา 16,9ล้านบาท (ส.ค.2015)

 ดีไซน์ภายนอก หรูหราสง่างามคงไว้ซึ่งการออกแบบบริเวณด้านหน้าแบบ The new S-Class  กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับโลโก้เมอร์เซเดสเบนซ์บนฝากระโปรงลาย 3 แถบเสริมโครเมียม ฝากระโปรงหน้ายาว พร้อมคิ้วโครเมียมตกแต่งบริเวณชายกันชนด้านหน้า กระจกหน้าต่างสีเขียว กรองแสงรอบคัน พร้อมกระจกนิรภัยด้านหลัง, ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light Systemพร้อมฟังก์ชั่น Active Light System, ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก, ปลายท่อไอเสียคู่, ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางรถยนต์แบบ Run-flat tyres และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ขนาดใหญ่ พร้อมแบบด้วยโลโก้ “Maybach” บนฝากระโปรงหลัง

ขนาดตัวรถ

 Mercedes-Maybach มีความยาวตัวรถ 5,453 มม. (เทียบS-Class ยาว 5,246 มม.) ระยะฐานล้อ 3,365มม. (S-Class ยาว 3,165 มม.) ทำให้มีพื้นที่ และเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารได้มาก

 ดีไซน์ภายใน
รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa แบบ Exclusive Package ตัดเย็บลายเบาะแบบ diamond design, ด้านบนของคอนโซลหน้า และส่วนกลางของแผงประตูหุ้มหนัง nappa, ผ้าหลังคาและแผงบังแดดหน้าหุ้มด้วย DINAMICA microfibre,

นาฬิกาแบบอนาล็อก ( IWC ดีไซน์) รวมถึงระบบมัลติมีเดียอันล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบ COMAND Online เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และระบบนำทาง (navigation system) พร้อมรีโมทควบคุมสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, เครื่องเล่นดีวีดีแบบ 6 แผ่น (DVD Changer), ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ, ระบบเครื่องเสียงแบบ Burmester® high-end 3D surround sound system, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วยtouchpad, ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมด้านหน้า (Head-up display) และระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมจอแสดงผล 2 ตำแหน่ง


ห้องโดยสารภายใน
เบาะนั่งคู่หน้าและคู่หลัง ริมหน้าต่าง มีฟังค์ชั่นอุ่นเบาะนั่งและระบายอากาศ พร้อมทั้งสามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ โดยเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าสามารถปรับเลื่อนไปด้านหน้าได้มากกว่าปกติ  4 เซนติเมตร และเลื่อนขึ้นด้านบนได้อีก 3.7 เซนติเมตร เบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบ multi-contour ที่มาพร้อมระบบที่นั่งแบบ First Class และโต๊ะทำงานแบบพับได้ ฟังก์ชั่นนวด ENERGIZING สำหรับเบาะด้านหลัง ที่ใช้หลักการนวดผ่อนคลายเหมือนการใช้หินร้อน โดยสามารถเลือกโปรแกรมนวดได้ 6 รูปแบบ ได้แก่ Hot Relaxing Massage Back, Hot Relaxing Massage Shoulder, Activating Massage, Classic Massage, Mobilizing Massage และ Workout ที่พร้อมเพิ่มความสบายในการพักผ่อนด้วยรองขาปรับระดับ สำหรับผู้โดยสารด้านหลังซ้ายขวา, ตู้เย็นภายในรถยนต์บริเวณที่นั่งด้านหลัง, ม่านบังแดดประตูหลังซ้ายขวา และด้านหลัง ที่สามารถปรับเลื่อนขึ้นลงด้วยระบบไฟฟ้า, ฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร,ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติTHERMOTRONIC หน้าหลัง รวมถึงการช่วยเติมเต็มทุกบรรยากาศการขับขี่ด้วยไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) ที่มีให้เลือกถึง 7 สี ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ รวมถึงความเข้มอ่อนของแสงได้ 5 ระดับ

  Mercedes-Maybach ได้ทำการติดตั้งระบบ active perfuming system ที่มาพร้อมกับ AIR-BALANCE Package โดยระบบจะผลิตกลิ่นหอมและปรับระดับความหอมได้ด้วยตัวคุณเอง ผ่านการใช้น้ำหอมปรับอากาศคุณภาพสูง เพื่อให้ความสดชื่นและความรื่นรมย์มากขึ้น โดยกลิ่นหอมที่ใช้มีให้เลือก 4กลิ่น ได้แก่ FREESIDE MOOD, NIGHTLIFE MOOD, DOWNTOWN MOOD และ SPORTS MOOD รวมถึงอีก 1 กลิ่นพิเศษสำหรับ Mercedes-Maybach โดยเฉพาะ อย่างกลิ่น AGARWOOD

 

เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย

 Mercedes-Maybach ถูกออกแบบให้ทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system และ PRE-SAFE impulse system, ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง (PRE-SAFE rear system) ที่มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัยแบบถุงลม เพื่อลดแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และหัวล็อคเข็มขัดนิรภัยแบบเรืองแสง, ถุงนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะสำหรับผู้โดยสารทั้ง 4 ตำแหน่ง,

    โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP), ฟังก์ชั่นช่วยการทรงตัวขณะเร่งแซงทางโค้ง (Curve Dynamic Assist), ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง  (Crosswind Assist), ระบบช่วยเบรก (Brake Assist – BAS), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Lights), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Acceleration skid control –ASR), สัญญาณป้องกันการโจรกรรม พร้อมระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในรถ, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST),

   ระบบกันสะเทือนแบบอากาศพร้อมระบบควบคุมระดับ (AIRMATIC), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tyre pressure monitoring system), ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ฟังก์ชั่นที่ฉีดน้ำกระจกบังลมหน้าติดตั้งบริเวณใบปัดน้ำฝน (MAGIC VISION CONTROL), ระบบช่วยการมองเห็นยามค่ำคืน (Night view assist), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus), ระบบช่วงล่างแบบ MAGIC BODY CONTROL และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง เป็นต้น

คอนเซ็ปใหม่ล่าสุดของมายบัค ในรูปทรงSUV

 cr:photo Netcarshow.com
เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย)