ลองของจริงกับ Toyota Driving Experience Park

    แผนที่ station
    Station ต่างๆ ในการทดสอบ OFF ROAD และ ON ROAD

    เมื่อวานที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา ทางโตโยต้าได้เปิดศูนย์ขับทดสอบรถยนต์ครงวงจรที่ใหญ่ที่สุดของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียขึ้น  ตรงถนนบางนา-ตราด โดยใช้ชื่อว่า Toyota Driving Experience Park ซึ่งศูนย์แห่งนี้เปิดบริการให้ลูกค้าทั่วไปได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น มีทั้งรูปแบบ ออนโรด(On Road) และและออฟโรด( Off Road)ในงานเปิดตัวโตโยต้าได้เปิดโอกาสผู้สื่อข่าวได้ทดสอบสนามทดสอบกัน

    มารู้จักสนามกันก่อน

    สนามแห่งนี้มีพื้นที่22ไร่ โดยโตโยต้า จำลองสนามทดสอบมาจาก
    ทดสอบในรูปแบบ On Road แบ่งออกเป็น 6 สถานีย่อย โดยการทดสอบขับขี่แต่ละครั้งจะมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญนั่งเป็นเทรนนิ่งให้ตลอดการทดลองขับ การขับขี่ครั้งนี้มีรถหลากหลายรุ่นให้ได้ลองแล้วแต่คิวใครคิวมัน คิวผมได้ขับรถเก๋ง  Camry รถในกลุ่มดีเช็กเมนท์ ที่เป็นที่นิยมของครอบครัวใหญ่หรือรถสำหรับผู้บริหารครับผม

    11992456_1018868538147144_2058200896_n
    Circular Track

    พื้นผิวต่างๆ จำลองมาจากถนนจริง

    11998245_1018868444813820_1358626217_n
    ภาพมุมกว้างของสนาม โดยที่เห็นไกลคือสนามออฟโรด

    สถานีที่ 1 : Multi Purpose Area
    โดยพื้นที่นี้เป็นพื้นฐานทั่วไปให้ผู้ขับขี่ได้สร้างความคุ้นเคยไปในตัวเหมือนเป็นการวอร์มอัพรถและคนขับ รวมถึงเพื่อทดสอบการทรงตัวของรถ และทดสอบการขับแบบสลาลม หรือภาษาทั่วไปก็คือการขับเปลี่ยนเลนนี่เองละครับ สถานีนี่เราก็แค่บังคับพวงมาลัยไปมาเบสิกพื้นฐาน

    11997367_1018868571480474_1713974166_n
    พื้นที่วงกลมนี้สำหรับลองอาการโอเวอร์และอันเดอร์สเตรียร์ ของรถ

    ส่วนสถานีที่ 2 : Dynamic Course
    โดยในส่วนพื้นทีที่ 2 นี้จะเป็นการทดสอบอัตราเร่ง และทดสอบสภาพพื้นถนนที่แตกต่าง พร้อมทดสอบระบบ ABS โดยการทดสอบนี้เทรนนิ่งของทางโตโยต้าบอกให้ผมขับรถด้วยความเร็วแค่ 15 กม./ชม. พอเพราะเป็นระยะทางสั้นๆ และต้องควบคุมการทรงตัวของรถ เพื่อนหลบหลีกพื้นผิวที่ลื่น เนื่องจากด่านนี้จะมีม่านตาพุ่งออกมาจากพื้น ผมจึงจะต้องบังคับรถเพื่อหลบมัน โดยการขับของผมนั้นต้องบอกว่า ระบบการทรงตัวของรถ Camry นั้นสุดยอดมากๆครับ ต้องถือว่าการออกแบบดีเยี่ยมเลยครับจังหวะหมุนพวงมาลัยเร็วๆ รู้สึกนุ่มและไม่รู้สึกถึงแรงเหวี่ยงของรถเลย และบนสภาพถนนที่ลื่นระบบเบรค ABS ก้ทำงานได้ดีเยี่ยม ผมลองกระแทกคันเร่งให้แรงๆ ระบบฟังชั่นก็ตอบสนองทันที

    สถานีที่ 3 : Acceleration Area
    พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ทดสอบอัตราเร่งของเครื่องยนต์จาก 0 – 100 โดยความยาวถนนเพียง 100 เมตรเท่านั้น โดยผมลองอัดเต็มเท้าดูแล้ว 100 เมตรนี้ ความเร็วขึ้นสูงสุดที่ 80-90 กิโลเมตร/ชม. เลยทีเดียว
    สถานีที่ 4 : Circular Track
    พื้นที่นี้ต้องบอกว่าทำเอาผมเวียนหัวอยู่เหมือนกันนะครับ โดยเป็นการขับเป็นทางถนนวงเวียนใช้เพื่อทดสอบความสามารถของรถยนต์ในการเข้าโค้ง เพื่อทดสอบอาการ ของรถยนต์เวลาเข้าโค้ง (Over / Under Steering) บนพื้นผิวและสภาวะถนนที่แตกต่างกัน โดยมีทั้งพื้นที่เปียกและแห้ง พื้นผิวปกติและพื้นผิวลื่นโดยทางเทรนเนอร์ของโตโยต้าบอกให้ผมรักษาความเร็วเอาไว้ทื่ 40 กม./ชม. เพื่อให้เกิดแรงเหวี่ยงระหว่างรอบที่เราขับเข้าวงเวียนที่มีน้ำพุ่งออกมาจากวงเวียน ทำให้รู้สึกว่าการขับขี่ในครั้งนี้ยิ่งเข้าโค้งมากเท่าไรระบบยึดเกาะถนนของรถ CAMRY ทำได้ดีมาก

    เนินชันไว้ทดสอบรถบบช่วยลงเขาและระบบจอดค้างทางชัน

     

    11998001_1018868541480477_1331687123_n
    อุโมงค์เอียงทดสอบการไต่แนวเฉียงของรถ ถือเป็นจุดทดสอบที่อันตรายมากสุดในสนามแห่งนี้
    11992217_1018868524813812_651113149_n
    เนินสลับ เหมาะสำหรับบรรดาออฟโรดที่จะมาลองฝีมือ
    11998102_1018868501480481_1371226475_n
    บ่อน้ำ จำลองสถานการณ์การขับรถลุยน้ำ รวมถึงมุมเข้าและมุมจากของการขึ้นและลงทางชันของรถออฟโรด

    สถานีที่ 5 : Road Condition Area
    พื้นที่จำลองสภาพพื้นผิวถนน 8 สภาวะ เช่น หลุม บ่อ ลูกคลื่น รวมถึงสะพาน เพื่อใช้ทดสอบ การเก็บเสียงในห้องโดยสาร ความสั่นสะเทือน การควบคุมรถยนต์ และความนุ่มนวลในการขับขี่ โดยทางเทรนเนอร์ให้ผมใช้ความเร็วอยู่ที่ 30 กม./ชม แล้วขับลุยด่านต่างๆ ผมมีความรู้สึกว่าช่วงล่างของ CAMRY มีความหนึบมาก ขับแล้วรู้สึกนิ่มนวมเป็นอย่างมาก11995523_1018868591480472_205935460_n

    และสถานีที่ 6 : Mini Closed Circuit
    พื้นที่สนามสามารถปรับใช้เป็นสนามมินิเซอร์กิตแบบพื้นที่ปิด โดยมีความยาว 1.4 กม. เพื่อใช้ใน การทดสอบการทำงานของรถยนต์ในสภาวะการขับขี่อย่างเต็มรูปแบบ
    โดยจบการทดสอบพื้นที่แบบ On-Road โดยสวัสดิภาพและพี่เทรนเนอร์บอกกับผมว่าไปลอง Off Road ต่อเลยครับโดยผมไม่ทราบมาก่อนว่าการทดสอบ Off-Road จะแอบเสียวได้ขนาดนี้ โดยสนามทดสอบในรูปแบบ Off-Road แบ่งออกเป็น 6 สถานีย่อย ต้องบอกท่านผู้อ่านก่อนนะครับว่า การขับแบบ Off-Road นั้น จะมีทางพี่เทรนนิ่งเป็นผู้ขับให้ ผมมีโอกาสได้แต่ลองนั่ง โดยทางโตโยต้าห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้ทดสอบเป็นหลัก และการทดสอบนี้จะใช้ Toyota รุ่น Fortuner และรุ่น Revo ในการทดสอบโดยคันที่ผมได้มีโอกาสนั่งทดสอบคือ รุ่น Revo

    11995658_1018868441480487_500441928_n

    โดยสถานีที่ 1 : Slope Hill
    จากที่ผมเห็นคือเนินภูเขาลาดชัน กะระยะความสูงด้วยสายตาอยุ่ที่ประมาณ 2 เมตรครึ่ง ความลาดชันจากที่ถามพี่เทรนนิ่งแล้วอยู่ที่ 45 องศาเลยทีเดียว โดยการขึ้นการขับจะใช้ระบบออกตัว HAC เพื่อควมคุมทางลาดชัน แล้วจังหวะลงค่อนข้างที่จะเสียวเพราะตาผมมองเห็นแต่พื้นเพราะพื้นที่ค่อนข้างชัน โดยพี่เทรนนิ่งบอกว่าจังหวะลงระบ DAC จะช่วยทำงานในการควมคุมความเร็วในการลงทางลาดชัน ซึ่งผมรู้สึกว่าเหมือนพี่เข้าเหยียบเบรคไว้เลยนะครับ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เป็นระบบ DAC ในการควบคุม ทำให้ผู้นั่งโดยสารรู้สึกปลอดภัย เพราะการเคลื่อนที่ของรถลงเขารู้สึกนิ่มนวลเป็นอย่างมากครับ
    สถานีที่ 2 : Flooding
    พื้นที่นี้เป็นพื้นที่จำลองบ่อน้ำขึ้นมาแล้วให้รถขับผ่านเข้าไปในสภาวะน้ำที่ท่วมขังด้วยความสูงประมาณ 40-50 เซ็นติเมตร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาของกระบะRevo ในการขับฝ่าน้ำที่ท่วมขังไปได้อย่างนิ่มนวล
    11997246_1018868484813816_999931774_nสถานีที่ 3 : Dry River Bed
    พื้นที่นี้เป็นเส้นทางจำลองสถานการณ์พื้นผิวที่มีทั้งหิน กรวด ทราย และเนินลาดชัน ทำให้การขับขี่ ไม่สามารถอยู่ในสภาวะปกติ สำหรับการทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบกันสะเทือนหน้า หลังทำให้รู้สึกจังหวะล้อสัมผัสพื้นนิ่มนวลมากๆครับ
    สถานีที่ 4 : 4×4 Tunnel
    สถานี้จะใช้อุโมงค์แคบเอียงสำหรับการทดสอบเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และมุมเอียงของรถ โดยการขับเข้าไปในอุโมงรถจะเอียงประมาณ 45-60 องศาเลยทีเดียว
    สถานีที่ 5 : Twist Track
    ด่านนี้ต้องบอกเลยนะครับผมเวียนหัวเอามากๆ พื้นที่นี้จะเป็นการจำลองสภาวะการขับขี่ โดยเนินหินที่มีความสูงประมาณ 50-60 เซนติเมตรมาวางสลับเป็นฟันปลา เพื่อทดสอบการขับขี่เคลื่อนที่แบบสี่ล้อความเร็วต่ำ เกียร์4L ในกรณีที่รถยนต์ไม่สามารถใช้กำลังจากล้อทั้ง 4 ได้ และทดสอบระบบป้องการล้อหมุนฟรี และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
    สถานีที่ 6 : Tree Track
    เส้นทางพื้นผิวขรุขระมาก สำหรับการทดสอบการทรงตัว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบช่วงล่าง (Suspension) และความนุ่มนวลในการขับขี่ (Riding Comfort)

    จบการทดลองนั่งทดลองขับในสนามแห่งใหม่เพียงเท่านั้น ทั้งนี้ทาง Toyota Driving Experience Park หวังว่าจะใช้สนามนี้ เป็นส่วนในการเสริมสร้างสังคมรวมถึงปลูกจิตสำนึกให้กับคนไทยในการขับขี่ปลอดภัย ใครอยากไปเรียนก็ลองติดต่อที่โตโยต้าดู [fblike]

     

    Previous articleโรลส์-รอยซ์ “ดอว์น” ใหม่เปิดตัวผ่านทางออนไลน์พร้อมกันทั่วโลก
    Next articleท่องงาน BMW XPO 2015 ส่องรถหรูให้น้ำลายไหล