Home กระแสยานยนต์ Meet The CEO เจาะเป้าหมาย กำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานคนใหม่วอลโว่ กรุ๊ป

เจาะเป้าหมาย กำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานคนใหม่วอลโว่ กรุ๊ป

กำลาภ ศิริกิตติวัฒน์  ผู้บริหารวอลโว่ กรุ๊ป คนใหม่ นำองค์กรสร้างความเข้มแข็งในเครือข่าย AEC

Kamlarp Volvo
กำลาภ ศิริกิตติวัฒน์

ประธานกรรมการคนไทยคนแรกของ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถบรรทุกวอลโว่ และยูดี ทรัคส์ ในประเทศไทย ประกาศนำพาองค์กรพัฒนาความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายวอลโว่ กรุ๊ป ในกลุ่มประเทศ AEC เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของวอลโว่ กรุ๊ป ให้เป็นผู้นำในตลาดในแต่ละประเทศ

กำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุกวอลโว่และยุดีทรัคส์  เปิดเผย ภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในองค์กร ว่าในฐานะผู้นำองค์กรจะนำความเข้มแข็งขององค์กรมาพัฒนาต่อยอดให้เกิดความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาค

วอลโว่ กรุ๊ป ประเทศไทย นอกจากรับผิดชอบตลาดประเทศไทยแล้ว ยังรับผิดชอบตลาดเมียนมาร์ สปป. ลาว กัมพูชา, เวียดนามและฟิลิปปินส์ โดยที่ตลาดประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างมาก และยังเป็นฐานการผลิตยูดี ทรัคส์ จำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปทั่วโลก

“เพราะเราเป็นประเทศที่เป็นสำนักงานใหญ่ซึ่งดูแลรับผิดชอบ 5 ประเทศในเครือ ต่างจากบริษัทรถบรรทุกทั่ว ๆ ไปที่ไม่มีคุณลักษณะแบบนี้ จึงทำให้เราสามารถนำจุดแข็งของเรามาสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดประเทศไทยและประเทศในเครือในลักษณะเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน” นายกำลาภ กล่าวVolvo truck3

นายกำลาภ กล่าวว่าแนวโน้มตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง ยังคงเป็นตลาดในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เมียนมาร์ สปป. ลาว กัมพูชา เวียดนามและฟิลิปปินส์        ซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตประมาณ 6-8% ต่อปี สำหรับประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDB) คาดว่า GDP ของประเทศในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ 3 – 3.5% หรืออยุ่ในระดับที่คงที่ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มี GDP อยู่ที่ 3 % ซึ่งหากการลงทุนต่างๆของทางภาครัฐบาลชัดเจนมากขึ้นในครึ่งปีหลัง อัตราการเติบโตก็น่าจะเพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งรวมถึงตลาดรถบรรทุกด้วยเช่นกัน

สำหรับประเทศไทยในปี 2558 วอลโว่ กรุ๊ป มียอดขายทั้งสิ้น 1,016 คัน โดยแบ่งเป็นวอลโว่ ทรัคส์ 504 คัน เติบโตลดลง 11%  คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดค่ายยุโรปประมาณ 70% ส่วนยูดี ทรัคส์ มียอดขายทั้งสิ้น  512  คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 112% คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดค่ายญี่ปุ่นประมาณ 3% ภาพรวมของทั้งกรุ๊ป สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นถึง 26% ในขณะที่ตลาดรวมรถบรรทุกขนาดใหญ่ทั้งตลาดตกลง 20% เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การตกต่ำในภาคการส่งออก และการชะลอในการลงทุนงานก่อสร้างของโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐบาลvolvo truck

นายกำลาภย้ำว่าประเทศไทยยังคงมีบทบาทสูงในภูมิภาค โดยเฉพาะภายหลังการเข้าร่วมประชาคมประชาชาติเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ซึ่งประเทศไทยจะเป็นฐานสำคัญสำหรับภาคการขนส่งระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพราะทำเลที่ตั้งของประเทศไทย สามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ได้หลายประเทศเช่นสิงคโปร์ มาเลเซีย เมียนมาร์ จีน สปป. ลาว เวียดนาม เป็นต้น

นายกำลาภกล่าวว่าวอลโว่ กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่ตลาด AEC โดยได้ใช้เงินลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยโครงการลงทุนเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 หรือ 1 ปีล่วงหน้าก่อนที่ตลาด AEC จะเริ่มต้น โดย 5,000 ล้านบาทดังกล่าว แบ่งการลงทุนเป็น 2,000 ล้านบาทสำหรับการขยายศูนย์บริการในประเทศไทยเพิ่มเติมจาก 4 สาขามาเป็น 15 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นบริษัทค่ายรถบรรทุกยุโรปที่มีศูนย์บริการภายในประเทศไทยมากที่สุด 2,000 ล้านบาทสำหรับการลงทุนสายการประกอบรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ ซึ่งมีกำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี และอีก 1,000 ล้านบาทในการก่อสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่บนถนนบางนา-ตราด กม. 21

นายกำลาภถือเป็นบุคลากรที่สำคัญโดยร่วมงานกับวอลโว่ กรุ๊ป ประเทศไทยในตำแหน่งวิศวกรฝ่ายขายในปี พ.ศ. 2542 ต่อมาได้รับมอบหมายความรับผิดชอบด้านการขายรถ (fleet sales) และในปี พ.ศ. 2551 นายกำลาภขึ้นดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายรถเพื่อการพาณิชย์Volvo truck2

ในปี พ.ศ. 2554 นายกำลาภได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายขายและการตลาด ประจำกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งนายกำลาภได้สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมภายใต้บทบาทที่รับมอบหมายในครอบครัววอลโว่

ต่อมา ปี พ.ศ. 2558 นายกำลาภ ได้ย้ายกลับมาประจำประเทศไทยในตำแหน่งรองประธานฝ่ายขายและบริหารศูนย์บริการ ซึ่งนายกำลาภและทีมงานได้สร้างความสำเร็จอย่างสูง ทั้งในด้านเครือข่ายการจัดจำหน่ายและบริการหลังการขาย

นายกำลาภสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2542 และระดับปริญญาโทจาก University of Technology Sydney สาขา Engineering Management ในปี พ.ศ. 2546[fblike]

Previous articleอัลติส เอสสปอร์ต คว้าชัยสนามนูร์เบอร์กริง
Next articleวอลโว่ V60 D4 เมื่อแวกอนกลับมาสตรอง