เปิดลายแทง เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสยูวี ที่จำหน่ายโดย บริษัท เมอร์เซเดส -เบนซ์ (ประเทศไทย)จำกัด หารุ่นที่ประหยัดที่สุดหลังจากเราได้สัมผัสรถ ในกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events 2016พร้อมรีวิวโปรดักซ์ไลน์อัพ แบบเต็มๆ
บางคนว่า คนซื้อรถระดับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสยูวี งบประมาณขนาดนี้บางคนก็ว่า เรื่องประหยัดไม่ได้ปัจจัยสำคัญอะไรเพราะมีเงินขนาดนี้ไม่น่าจะมาคิดประหยัดเงินค่าน้ำมันเล็ๆ น้อยๆ แต่เชื่อเถอะ ไม่ว่าจะออกรถแพงขนาดไหนก็ตามบางที เขาก็ถามหา เรื่องกินหรือ เรื่องประหยัดกันอยู่
เมอร์เซเดส-เบนซ์เอสยูวีไลน์อัพ
ต้องบอกว่าปี2016 มานี่เบนซ์โครตแรงเลยเพราะส่งโปรดักซ์ลงมาทำตลาด ต่อเนื่องมาทำให้มีรถกลุ่มเอสยูวี ขายอยู่ถึง7 รุ่น แต่ล่ะตัวนอกจากใหม่สดแล้ว ราคายังได้ใจอีกและก็เน้นสินค้าชนิดรถเอนกประสงค์ขับเคลื่อน4ล้อ หรือไม่ก็รถแนวตรวจการณ์เป็นหลักเสียด้วย วันนี้จะหาซื้อรถแบบโหดๆ ของเบนซ์ระดับไหน จัดให้ได้หมด
1. GLS 350 d 4MATIC AMG Premium
2 . GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic
3. GLE 500 e 4 MATIC AMG Dynamic
4. GLE 500 e 4 MATIC Exclusive
5.GLC 250 d 4 MATIC AMG Dynamic
6. GLC 250 d 4 MATIC OFF-ROAD
7 . GLA 250 AMG Dynamic
8. GLC 250 d 4 MATIC Coupe (ตัวล่าสุดที่ไม่ได้ลงไปคลุกฝุ่นในกิจกรรมด้วย)
เจาะรหัสGL…..กันก่อน
ช่วงหลังมานี่นี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปรับปรุงรถมากหน้าหลายตา เปลี่ยนชื่อเรียกซอยย่อยยิบ ทำเอาคนเก่าแก่งงไปตามๆ กันเพราะ เคยคุ้นแต่ E S C G คลาสช่วยหลังมีชื่อเรียกตามไม่ทัน สำหรับรถกลุ่มเอสยูวี
จำง่ายๆ คือ ถ้ารุ่นที่มีGLนำหน้า มันจะเป็นทรงตรวจการณ์ทั้งหมด ส่วนตัวอีกษณตัวที่3จะเป็นคลาสของมัน เช่น GLC 250 d 4 … หมายถึง รถเอสยูวี ที่มีC เป็นฟอร์แพลน หรือคลาสเท่ากับC หรือ GLA 250 คือ เอสยูวี ของเอ คลาสนั่นเองหรือGLE 500 e คือ เอสยูวี ของE -Class ก็จำแนกง่ายๆ แบบนี้
ทีนี้มาดูเรียงตัวในไลน์สินค้า ที่เขาวางขายกัน ว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีอะไรขายบ้าง ขออนุญาติยกเอาเอกสารสารมาทั้งดุนปรับแต่งเล็กน้อย เพื่อไม่ให้รายละเอียดตกหล่นไป เริ่มจาก
GLS 350 d 4MATIC AMG Premium
GLS 350 d 4MATIC AMG Premium ชื่อบอกชัดเจนว่าเป็น “เอสยูวีระดับเอส-คลาส” (S-Class among SUVs)
ถือเป็นพี่ใหญ่สุด ของตระกูล ดังนั้นราคาก็เป็นไปตามนั้น 7,990,000 บาท
ดีไซน์ภายนอก มีจุดเด่นที่การออกแบบส่วนหน้าของตัวรถ กันชนหลัง และไฟหลังใหม่ มาพร้อมกับความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง AMG ประกอบด้วยกันชนหน้า และหลังแบบพิเศษ บันไดสำหรับเข้าและออกห้องโดยสารและล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง 21 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน ห้องโดยสารให้กว้างรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7 คน และไฮไลท์ของห้องโดยสาร คือ แผงหน้าปัดของผู้ขับขี่แบบใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับส่วนหน้าจอความบันเทิงขนาด 8 นิ้ว (20.3 เซนติเมตร)
GLS 350 d 4MATIC AMG Premium มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC และคุณสมบัติเด่นอีกมากมาย เช่น นวัตกรรมระบบเกียร์ DYNAMIC SELECT ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกโหมดการทำงานของระบบเกียร์ได้ 6 แบบ ระบบรองรับแรงสะเทือน AIRMATIC ทำงานร่วมกับระบบ damping system ADS ช่วยเสริมความมั่นคงให้กับตัวรถขณะใช้งานและระบบ ACTIVE CURVE SYSTEM ซึ่งเป็นระบบเสริมเพื่อรักษาสมดุลและป้องกันการพลิกคว่ำโดยระบบดังกล่าวจะทำงานร่วมกับโรลบาร์ ด้านหน้า และเพลาหลังเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้รถพลิกคว่ำขณะเข้าโค้ง
GLS 350 d 4MATIC AMG Premium มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบวางเป็นแบบตัววี ความจุกระบอกสูบ 2,987 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 258 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิด 620 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กม/ชม.
GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic
GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic เป็นรถไซด์ใหญ่ ทรงคูเป้มาดดุน่ากลัวทีเดียว ถ้าจับเข้าพอร์ท ตัวนี้เห็นทีจะเข้าวินก่อนใคร แน่นอนว่างบต้องใหญ่ด้วยเพราะ ราคา 6,990,000 บาท ห่าง7 ล้านแค่ปลายนิ้ว
ดีไซน์ภายใน
คงความหรูหรา สง่างาม ด้วยการเลือกใช้วัสดุ คุณภาพชั้นดี ที่ยืดหยุ่นต่อการใช้งานและสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย เบาะนั่งด้านหลังแบบ 3 ที่นั่ง สามารถ พับได้แบบ 1/3 : 2/3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รถรุ่นนี้ยังเพิ่มเติมความสะดวกและความบันเทิงในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้นด้วยระบบ COMAND Online และระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad
เทคโนโลยี
ระบบ Dynamic Select ที่มีโหมดการขับขี่ 4 แบบ คือ Individual ที่สามารถช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้ Comfort ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน Slippery เหมาะกับการวิ่งบนถนนที่ลื่น Sport เน้นการเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น
รถรุ่นนี้ยังได้ติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบ ถุงลม พร้อมระบบควบคุมระดับรถ ADS (Adaptive Damping System) เพื่อรองรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic วางเครื่องยนต์ดีเซลแบบ V6เทอร์โบพร้อมเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า แบบ 9G-TRONIC
ความจุกระบอกสูบ 2,987 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 258 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิด 620 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600 ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 226 กม./ชม. ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Permanent all-wheel drive
GLE 500 e 4MATIC
เมอร์เซเดส -เบนซ์ GLE 500 e 4MATIC ยนตรกรรมกลุ่มเอสยูวีที่เป็นเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด รุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ไฮบริด นวัตกรรมด้านยานยนต์ มีรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว สำหรับ GLE 500 e 4MATIC มีให้เลือก 2 ดีไซน์ด้วยกัน คือ Exclusive และ AMG Premium
ดีไซน์ภายนอก
โดดเด่นด้วยลายเส้นสวยคมสะดุดตา พร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ เส้นสายหลังคาถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้ายเน้นดีไซน์แบบเรียบหรู ล้ำสมัย ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลด แสงสะท้อนอัตโนมัติโดย GLE 500 e 4MATIC Exclusive จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สี Himalayas grey ส่วน GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic เพิ่มลุคสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยล้ออัลลอย ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว สี titanium grey ชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน
ดีไซน์ภายใน
ยังคงเน้นความหรูหรา และแฝงกลิ่นอายความสปอร์ตโดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบผ่อนแรงและปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ
สำหรับ GLE 500 e 4MATIC Exclusive ตกแต่งด้วย เบาะนั่งหุ้มหนังและมาพร้อมระบบมัลติมีเดีย วิทยุซีดี MB Audio 20 ส่วน GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa มาพร้อมกับระบบ COMAND Online ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon® Logic 7® และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apply CarPlay™) นอกจากนี้ห้องโดยสารภายในของทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยบันทึกความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น
ระบบความปลอดภัย “Mercedes-Benz Intelligent Drive” ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมฟังก์ชัน Electronic Traction System 4ETS ระบบกันสะเทือนแบบ AIRMATIC ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP),และ ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind assist)เป็นต้น
GLE 500 e 4MATIC Exclusive มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน แบบวี เทอร์โบคู่พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 6 สูบ ความจุ กระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 333 แรงม้าและกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 116 แรงม้าที่ 5,250-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบ 1,600-4,000 ต่อนาที อัตราเร่ง0-100 กม./ชม. ที่ 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS แบบ DIRECT SELECT พร้อมด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 8.7 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 114 กิโลกรัม ไว้ที่ใต้เพลาขับด้านหลังซึ่งมีระบบหล่อเย็นจากน้ำและฝาป้องกันการกระแทกที่ผลิตจากแผ่นโลหะปิดทับไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัยสูงสุดโดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม. ราคา จำหน่าย มีดังนี้
- GLE 500 e 4MATIC Exclusive ราคา 4,490,000 บาท
- GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic ราคา 4,990,000 บาท
GLC 250 d 4MATIC
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC 250 d 4MATIC มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน คือ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic
ดีไซน์ภายนอก ทั้งสองดีไซน์มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-optic เพื่อการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ ลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้ายเสริมโครงสร้างตัวรถให้ดูทรงพลังและสง่างาม ไปพร้อมกัน โดย GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ในขณะที่ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว ชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง) สำหรับ
ดีไซน์ภายใน ถูกออกแบบโดยเน้นความหรูหรา ทันสมัย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้เช่นเดิม โดยทั้งสองรุ่นถูกตกแต่ง ด้วยลายไม้แบบ Open-pore brown ash wood
โครงสร้างตัวถัง เป็นโครงสร้างน้ำหนักเบาที่ผสานด้วยการใช้วัสดุแบบอะลูมิเนียมและโลหะความทนทานสูง ทำให้น้ำหนักของตัวรถเบาลงกว่ารถยนต์รุ่น The GLK-Class ถึง 50 กิโลกรัม ช่วยลดอัตราการใช้พลังงานลงกว่าร้อยละ 19 และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลงร้อยละ 19 เช่นกัน
GLC 250 d 4MATIC ทั้ง 2 แบบมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ และเกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600 -1,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม. ราคาจำหน่ายของ 2 เกรดมีดังนี้ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD 3,240,000 บาทและ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic 3,690,000 บาท
GLA 250 AMG Dynamic
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA 250 AMG Dynamic มาพร้อมกับการออกแบบตัวรถให้ดูทันสมัย คล่องแคล่ว ปราดเปรียว และปลอดภัย สามารถตอบสนองทุกความท้าทายของการขับขี่ได้เป็นอย่างดี
ดีไซน์ภายนอก ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าครีบระบายอากาศคู่ที่ช่วยเน้นให้ตัวรถกว้างขึ้น ตกแต่งด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียมแบบ 2 แถบ พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ตรงกลาง ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ ไฟหน้าแบบไบซีนอน (bi-xenon) ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ในกรอบไฟหน้าและไฟส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด เพิ่มลุคสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยล้ออัลลอยทูโทน ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 19 นิ้ว
ชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน รวมถึงเพิ่มความรู้สึกกว้างขวางด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า สำหรับ
ดีไซน์ภายใน มีการออกแบบ ก้าวล้ำทันสมัยให้อารมณ์สปอร์ตและสง่างาม เบาะนั่งหุ้มหนัง Artico สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3 / 2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 2 โซน และระบบปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติ มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้า สูงสุดที่211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-1,400 รอบ ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.6 วินาทีความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม. ราคาจำหน่าย ของGLA 250 AMG Dynamic อยู่ที่ 2,440,000 บาท
คำตอบของการประหยัด
มาถึงคำตอบล่ะว่า รถสมัยใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสยูวีตัวไหนประหยัดสุด สำหรับข้อมูลที่เราไปเจาะดูพบว่า ถ้าเป็นรุ่นเดียวกันปีใหม่กว่า ทมีแนวโน้มประหยัดน้ำมันลงมากอย่างผิดหูผิดตา และบางทีเครื่องใหญ่กว่าแต่ประหยัดกว่าอีกด้วย รถปีต่อปีรถบางรุ่นเวลาซื้อเลยต้องดูเอาปีใหม่
สำหรับไลน์เอสยูวีปี2016 เรานำข้อมูลเรื่องอัตราการบริโภคน้ำมัน มาวิเคราะห์กันใช้ หน่วยที่ใช้คือ: ลิตร/100กม. อันเป็นหน่วยสากลที่รัฐบาลบ้านเราอ้างอิงไว้เก็บภาษี
ตารางอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
รุ่น | เครื่องยนต์ | แรงม้า(Hp) | เกียร์/ระบบขับเคลื่อน | อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย | ราคา(บาท) |
---|---|---|---|---|---|
GLS 350 d 4MATIC AMG Premium | ดีเซล 2,987 CC.V6 | 258 | 9G-TRONIC /4MATIC* | 8.2 ลิตร/100 | 7,990,000 |
GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic | ดีเซล 2,987 CC.V6 | 258 | 9G-TRONIC DIRECT SELECT /4MATIC | 7.2 ลิตร/100 กม | 6,990,000 |
GLE 500 e 4MATIC | เบนซิน2,996 cc.V6 PH* Bi turbo | 333 +116 | 7G-TRONIC PLUS /4MATIC | 3.5 ลิตร/100 กม. | 4,490,000 |
GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic | เบนซิน2,996 cc.V6 PH* Bi turbo | 333 +116 | 7G-TRONIC PLUS /4MATIC | 3.5 ลิตร/100 กม. | 4,990,000 |
GLC 250 d 4MATIC | ดีเซล 2,143 cc.L4 | 204 | 9G-TRONIC/4MATIC | 5.7 ลิตร/100 กม. | 3,240,000 , |
GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic | ดีเซล 2,143 cc.L4 | 204 | 9G-TRONIC/4MATIC | 5.7 ลิตร/100 กม. | 3,690,000 |
GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic | ดีเซล 2,143 cc.L4 | 204 | 9G-TRONIC/4MATIC | 5.7 ลิตร/100 กม. | 4,090,000 |
GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus | ดีเซล 2,143 cc.L4 | 204 | 9G-TRONIC/4MATIC | 5.7 ลิตร/100 กม. | 4,490,000 |
GLA 250 AMG Dynamic | เบนซิน 1,991 cc L4 Turbo | 211 | 7G-DCT/FWD | 6.4 ลิตร/100 กม. | 2,440,000 |
ผลการจัดแถวตัวประหยัด
GLC 250 d 4MATIC
เราคงต้องมองปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้ให้รถ มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่างกันไปเช่น ขนาดของตัวถัง ซึ่งในกลุ่มSUV มีตัวถังตั้งแต่ A คือ เล็กสุด ไปจนถึง Sใหญ่สุดแต่เราก็ได้แต่นำเอา ผลตอนปลายมาดูกันเป็นข้อมูล
ในกลุ่มรถที่นำมาแสดงนี้อาจจะมีบางรุ่นที่ ไม่อยู่ในโมเดล ไลน์อัพ อัพเดท คือ กำลังจะยกเลิกไปเช่น รถ GLA200 ที่เบนซ์หันมาทำรถ ซีเคดี หรือทำการประกอบในประเทศและอัพเครื่องไปเป็นGLA 250 ซึ่งประหยัดไปได้อีกมา ทั้งราคาและน้ำมัน
การดูอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ลิตร/100 กม. หมายถึง ตัวเลขหน้ายิ่งน้อยยิ่งดี คือใช้น้ำมันน้อยมาก
GLE500e 4MATIC เอสยูวียอดประหยัด
(3.5ลิตร/100กม.)
สำหรับรถที่น่าทิ่งที่เราพบคือ 3.5ลิตร/100กม. ในรุ่น GLE500e 4MATIC รถที่มีขนาดกลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คันนี้ ใช้น้ำมันเบนซินที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันดีใจหายแน่นอนว่า มีรหัสe ต่อท้ายมันคือไฮบริด ด้วยระบบอิเล็คทริค ไดร์ฟ อันทรงคุณภาพของเมอร์เซเดส -เบนซ์นั่นเอง
GLC 250 d 4MATIC รองแชมป์
รถพื้นฐานของคอมแพคอย่าง GLC 250 d 4MATIC เป็นรถที่มีอัตราประหยัดรองลงมาจากรุ่นพี่คือ ใช้น้ำมัน 5.7ลิตร/100กม. ตัวนี้แม้ว่าตัวถังเล็กลงแต่ยังกินมากกว่าตัวแรก แถมเป็นดีเซลด้วย
เทียบกับตัวแรกแล้ว GLC 250 d 4MATIC ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเปลืองกว่ารุ่นพี่ 63% เลยทีเดียว
GLA250 d 4MATIC ตัวเล็กกลับซด
เป็นรถตัวเล็กสุดในกลุ่ม เอสยูวี น้ำมันที่ใช้กลับกินมากกว่าตัวใหญ่ อย่าง
GLC 250 d 4MATIC โดยใช้น้ำมัน6.4 ลิตร/100กม.มากกว่า 12%
134% จากน้อยไปหามาก
ส่วนที่เหลือ คือ พี่ใหญ่อย่าง GLS 350 d 4MATIC แน่นอนมันเป็นรถในไลน์เอสยูวีที่กินน้ำมันมากสุดคือ 8.2 ลิตร/100กม ส่วน GLE 350 d 4MATIC เป็นรองแชมป์ ใช้น้ำมัน 7.2 ลิตร/100 กม.
ลองเทียบเล่นๆ ระหว่าง เบนซ์เอสยูวี ที่กินน้ำมันมากสุด(GLS 350 d 4MATIC)กับตัวกินน้อยสุด (GLE500e 4MATIC)นั้นผลที่ได้ คือ กินน้ำมันต่างกัน ไม่มากไม่มาย แค่134% เท่านั้นเอง
บทสรุป
เมอร์เซเดส-เบนซ์ คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ถูกใจอย่างไรก็ซื้อคันนั้น ชิวๆถ้าขับเบนซ์ แล้วน่าจะมีงบพอสำหรับราคาน้ำมัน จริงไหมครับ[fblike]